น่าน - เครือซีพีร่วมกับชาวบ้านและป่าไม้ลุยฝนปลูกไม้มีค่ากลางป่าสบขุ่น หนุนลดปลูกข้าวโพดสร้างความยั่งยืน-เพิ่มพื้นที่สีเขียว เผยเฉพาะชุมชนสบขุ่น-เมืองน่านรอบ 5 ปีฟื้นป่าได้แล้ว 2 พันไร่
นายสุทัศน์ จินตเวชศาสตร์ นายอำเภอท่าวังผา จ.น่าน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน เยาวชนและเด็กนักเรียนบ้านสบขุ่น ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ นำพันธุ์ไม้มีค่า 12 ชนิด 400 ต้น ที่ได้รับการสนับสนุนจากป่าไม้จังหวัดน่าน ลงปลูกบริเวณพื้นที่ป่าฟื้นฟูบ้านสบขุ่น ภายใต้โครงการ We Grow ปลูกเพื่อความยั่งยืน
นายอรรถวิทย์ ยุทธยศ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า พื้นที่บ้านสบขุ่น เดิมเกษตรกรปลูกข้าวโพดบนพื้นที่ซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิและสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จึงได้กำหนดเป็นนโยบายและเริ่มเข้ามาพัฒนาพื้นที่ร่วมกับสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านสบขุ่น สำนักงานป่าไม้จังหวัดน่าน และชาวบ้านสบขุ่นวางแผนฟื้นฟูสภาพป่า และพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนด้วยการส่งเสริมแบ่งพื้นที่การเกษตรปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิกา เชียงใหม่ 80 และไม้ผลยืนต้น ตั้งแต่ปี 2558
ปัจจุบันมีชาวบ้านสบขุ่นที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 89 ราย พื้นที่ 5,000 กว่าไร่ และมีเกษตรกร 12 ราย ซึ่งเคยเป็นรายใหญ่ที่มีการปลูกข้าวโพดพื้นที่จำนวนมาก ได้เลิกปลูกข้าวโพดแล้ว และเกษตรกรรายอื่นๆ ก็ลดพื้นที่การปลูกข้าวโพดลงเรื่อยๆ จนสามารถฟื้นฟูเป็นสภาพป่าเพื่อคืนธรรมชาติได้มากถึง 2,000 ไร่
ส่วนผลผลิตกาแฟที่เกิดขึ้น ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เข้ามาร่วมพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนสร้างป่า สร้างรายได้ บ้านสบขุ่น ได้ก่อสร้างโรงแปรรูปผลผลิตขึ้นในพื้นที่บ้านสบขุ่น เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำผลผลิตกาแฟมาขายได้ โดยคาดว่าในปีนี้จะได้ผลผลิตกาแฟเชอรี่จาก 45 รายแปลง ประมาณ 20 ตัน
สำหรับกิจกรรมการปลูกป่าบ้านสบขุ่นครั้งนี้เกิดจากความต้องการของเกษตรกรและชาวบ้านสบขุ่นที่ต้องการฟื้นฟูพื้นที่ป่า และต้องการปลูกไม้ป่ามีค่าเพื่อให้เป็นไม้ร่มเงาในสวนกาแฟ โดยต้นไม้ที่ร่วมกันปลูก ได้แก่ ต้นพญาเสือโคร่ง ต้นทองอุไร ต้นสะเดา มะขามป้อม ตะเคียนทอง ประดู่ พะยูง ต้นแขยง ต้นเสี้ยว ต้นอินทนิล ไผ่ซางนวล และต้นมะค่าโมง โดยตั้งเป้าปลูกจำนวน 10,000 ต้น
ทั้งนี้ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคมและชุมชนต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ-พื้นที่ต้นน้ำ ปิง วัง ยม และน่าน ดำเนินการปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 508,224 ต้น ในพื้นที่ 6,000 ไร่ ซึ่งในปี 2563 วางแผนปลูกในพื้นที่ต้นน้ำ รวม 100,000 ต้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพิ่มพื้นที่สีเขียว อนุรักษ์ดิน น้ำ ป่า ปกป้องฟื้นฟู รักษาระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ เพิ่มต้นไม้ดูดซับคาร์บอนที่เป็นต้นเหตุของสภาวะโลกร้อน และลดภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการร่วมกันรักษาสมดุล ระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม