นครพนม - หลักฐานวงจรปิดชัดเจน หนุ่ม อบต.ก้านเหลือง นครพนมตายเพราะฝีมือตำรวจ เผยยืนดูผู้ตายนอนทรมานก่อนตายอย่างเลือดเย็นก่อนจะทำทีไปส่งโรงพยาบาล ด้านญาติยอมตั้งทนายฟ้องเองเอาผิดตำรวจสายโหดเจตนาฆ่า มั่นใจภาพวงจรปิดบนโรงพักเป็นหลักฐานเด็ด เผยตำรวจสั่งห้ามไม่ให้เผยแพร่ภาพคลิป
กรณีการเสียชีวิตของ นายวิทยา โสภาวงค์ อายุ 40 ปี พนักงานขับรถ อบต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม เสียชีวิตขณะตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองบ่อ อ.นาแก เข้าตรวจค้นจับกุมขณะนั่งล้อมวงดื่มเหล้ากับกลุ่มวัยรุ่นในบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านจำปา ต.ก้านเหลือง เมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 จนกระทั่งเป็นเหตุให้เสียชีวิตหลังตำรวจจับกุมตัวไปโรงพัก
นายวรเทพ แขมคำ อายุ 43 ปี ญาติผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นางสาวณัชฐ์ชญา แขมคำ อายุ 33 ปี นายศราวุฒิ โสภาวงค์ อายุ 38 ปี น้องสาว น้องชาย ผู้เสียชีวิต นางสาวกนกพร พงษ์พันษ์ อายุ 38 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต และญาติพี่น้อง ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม ทั้งประท้วงตำรวจ แห่โลงศพ เนื่องจากเชื่อว่าผู้ตายถูกตำรวจชุดสืบสวนทำร้ายร่างกาย และไม่ยอมส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเป็นต้นเหตุให้เสียชีวิต
ล่าสุดวันนี้ (17 ส.ค.) มีรายงานความคืบหน้า พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนคพรนม ได้มอบหลักฐานคลิปจากกล้องวงจรปิดของโรงพัก สภ.หนองบ่อ ที่บันทึกภาพเหตุการณ์วันเสียชีวิตทั้งหมดให้แก่ญาติผู้ตาย หลังออกมาเรียกร้องหลายครั้ง โดยก่อนนี้ทางตำรวจไม่สามารถให้ได้ต้องขออนุญาตตามขั้นตอน นอกจากนี้ยังได้ห้ามญาตินำไปเผยแพร่เพราะเป็นหลักฐานทางราชการ
อย่างไรก็ตาม ทางญาติได้นำภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ได้รับจากตำรวจมายืนยันต่อสื่อมวลชน ว่าภาพหลักฐานชัดเจนตำรวจเป็นต้นเหตุทำให้เสียชีวิต ซึ่งช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 22.20 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 มีตำรวจชุดสืบสวน 3 นายได้หามผู้ตายในสภาพหมดสติ ลักษณะหามขาและแขนทั้งสองข้างมาวางบนพื้นทางขึ้นโรงพัก ก่อนที่จะมีการกรอกน้ำ 1 ครั้ง แต่ไม่พยายามให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
โดยญาติระบุว่าเป็นการกระทำที่เลือดเย็น มีการยืนดูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อีกทั้งยังใช้เท้าเขี่ย ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปกว่า 30 นาทีจึงพากันหามขึ้นรถยนต์กระบะนำส่งโรงพยาบาลอำเภอนาแก แต่แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตแล้ว สอดคล้องกับมีกลุ่มวัยรุ่นในเหตุการณ์ยืนยันว่าผู้ตายร้องขอความช่วยเหลือให้นำส่งโรงพยาบาลตั้งแต่จุดจับกุมในหมู่บ้าน แต่ตำรวจไม่สนใจ
นายวรเทพ แขมคำ อายุ 43 ปี ญาติผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินคดีหลังเรียกร้องขอความเป็นธรรม ทางญาติพอใจแค่ระดับหนึ่ง หลังตำรวจมีการตั้งทีมสอบสวน รวมถึงย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ 8 นาย แต่ยังมีความกังวลถึงความล่าช้า ขั้นตอนในการดำเนินคดี เกรงว่าตำรวจที่กระทำผิดจะรับโทษไม่สาสม เพราะต้องใช้เวลาในการสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. เนื่องจากดูหลักฐานวงจรปิดมั่นใจชัดเจนว่าเป็นต้นเหตุ และโหดร้ายเกินคน ไม่คิดว่าตำรวจผู้ดูแลประชาชนจะมีจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้
ทั้งนี้ ในทางคดีทางญาติได้ตั้งทนายความดำเนินคดีฟ้องเอาผิดทางอาญาอีกทางควบคู่กันไปด้วย เพราะตำรวจชุดดังกล่าวจะต้องได้รับผิดโทษสูงสุดทุกข้อหา รวมถึงเจตนาฆ่าด้วย มีหลักฐานวงจรปิดเป็นหลักฐานสำคัญมัดตัว
สำหรับศพผู้ตายจะไม่ยอมเผา จะเก็บไว้จนกว่าคดีจะได้ความชัดเจน และจะเรียกร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาความผิดทางวินัยสั่งตำรวจชุดดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งทางญาติจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนคพรนม เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า หลังเกิดเหตุทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งให้ตนติดตามดูแลคดี พร้อมตั้งคณะทำงานทีมสอบสวนลงพื้นที่สอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จะต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.พิจารณาความผิด มีระยะเวลาตามกรอบกฎหมาย คือ 30 วัน
จากนั้นเมื่อ ป.ป.ช.พิจารณาความผิด จะได้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีอาญา รวมถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สารวัตรใหญ่ สภ.หนองบ่อ และผู้ใต้บังคับบัญชา รวม 8 นาย ออกจากพื้นที่ มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ขาดจากตำแหน่งเดิม ยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และดำเนินคดี ตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน