xs
xsm
sm
md
lg

ออกหมายเรียกข้าราชการสำนักงานจังหวัดประจวบฯ เอี่ยวโกงเงินหลวง 39.2 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประจวบคีรีขันธ์ - เจ้าหน้าที่ตำรวจประจวบฯ ออกหมายเรียกข้าราชการสำนักงานจังหวัดประจวบฯ เอี่ยวลูกจ้างโกงงบหลวงยอดทะลุ 39.2 ล้านบาท พร้อมออกหมายจับแม่เจ้าพนักงานบัญชีสาวสำนักงานจังหวัด ฐานฉ้อโกง

จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดี เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.63 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการ 39.2 ล้านบาท จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็ครวม 165 ครั้ง ขณะนี้ถูกควบคุมตัวจากการฝากขังผลัดที่ 3 ในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ล่าสุด วันนี้ (21 ก.ค.) นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีการทุจริตอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัด ภายหลังแต่งตั้งนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธาน คาดว่าจะสรุปผลได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับสาเหตุมีการรายงานผลการสอบสวนล่าช้า หลังพบการทุจริตตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.

โดยขอให้ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ระบบเทคโนโลยีด้านสารสนเทศจากส่วนกลางร่วมสอบสวนและให้ข้อมูล แต่เบื้องต้นยืนยันว่าพนักงานราชการได้กระทำการทุจริตโอนเงินในระบบเพื่อนำไปเล่นการพนันออนไลน์เพียงรายเดียว และหลังจากได้ผลสรุปจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะมีการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและทางละเมิดกับหัวหน้าสำนักงานจังหวัด หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ หัวหน้างานการเงินและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงนามเบิกจ่ายทุกราย

“เนื่องจากอาจมีข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดแนวทางไว้สำหรับผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ ส่วนตัวยันยันว่าไม่หนักใจ หากการเบิกจ่ายเกี่ยวข้องกับความบกพร่องของบุคคลใด ก็ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายกับงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งกรมบัญชีกลางได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการชดใช้ความเสียหายไว้แล้ว” นายพัลลภ กล่าว

นายพัลลภ กล่าวอีกว่า เร็วๆ นี้กรมบัญชีกลางจะทบทวนการใช้ระบบ GFMIS ภายหลังพบการทุจริตจากการโอนเงินในระบบ ซึ่งถือเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดนั้น จะดูแลรับผิดชอบตามที่ระเบียบได้กำหนดไว้และต้องปฏิบัติตามขั้นตอน ซึ่งไม่ใช่อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเข้าไปตรวจสอบ

เนื่องจากงบประมาณทั้งหมดอยู่ในระบบที่กรมบัญชีกลางได้กำหนดไว้ในระบบสารสนเทศ ขณะที่พนักงานราชการไม่มีสิทธิที่จะเข้าระบบดังกล่าวได้โดยพลการ สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นได้สั่งการให้นางประชิต วงค์ประภารัตน์ หัวหน้างานการเงินหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น สำหรับบุคคลอื่นต้องรอผลการสอบสวนทางวินัยและทางละเมิด

แหล่งข่าวจากทีมสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ สรุปส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในความผิดของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ แต่ขณะนี้ ป.ป.ช.จังหวัดได้ส่งสำนวนกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการทางคดีอาญา จากนั้นทีมพนักงานสอบสวนได้ประชุมเพื่อสรุปแนวทางส่งให้ ปปป. ปปง. และ ปอท. ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยพบว่ามียอดเงินที่ทุจริตมีมากกว่า 40 ล้านบาท

"สำหรับลายมือชื่อของข้าราชการ 4 ราย ในสำนักงานจังหวัดที่ปรากฏในเช็คงบประมาณจังหวัด 78 ใบ ได้ส่งให้สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตรวจว่าเป็นการลงลายมือชื่อจริงหรือมีการปลอมแปลง โดยออกหมายเรียกข้าราชการระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องบางรายที่มีเจตนาร่วมทุจริตในคดีอาญา จากการมอบรหัสผ่านและสมาร์ทการ์ดให้พนักงานราชการกระทำการทุจริต และเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่าเช็คจำนวนมาก จะมีการลงลายชื่อปลอมทั้งหมด เพื่อนำไปเบิกจ่ายกับธนาคารกรุงไทย สาขาประจวบคีรีขันธ์ซึ่งมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวด"

และเมื่อเวลา 15.00 น ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อนุมัติให้ออกหมายจับนางสายพิน ดิษคุ้มดี อายุ 56 ปี มารดาของ น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ขณะนี้เจ้าหน้าได้เดินทางไปจับกุมตัวยังบ้านพัก ส่วนนางประชิด วงศ์ประภารัตน์ หัวหน้าการเงินสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศาลไม่อนุมัติหมายจับ เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนีจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ เชิญตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาในมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ








กำลังโหลดความคิดเห็น