ศูนย์ข่าวศรีราชา - การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ยันตรวจเข้มนักบิน ทหารอียิปต์ทั้งขาเข้า ขาออกทุกนายตั้งแต่เดินทางเข้าไทยแต่ไม่พบผิดปกติ ชี้ปฏิบัติงานไม่หละหลวมแต่เพราะเป็นกลุ่มที่ได้สิทธิยกเว้นในจำนวน 11 กลุ่มที่ไม่ต้องกักตัว 14 วัน เผยจากนี้ต้องยกเป็นตัวอย่างในการทำงาน
จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย เป็น 1 ใน 31 ทหารอียิปต์ที่เข้าพักในโรงแรม จ.ระยอง ซึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวในห้างสรรพสินค้าแหลมทองระยอง และห้างเซ็นทรัล สาขาระยอง จนทำให้โรงเรียน 11 แห่งในเขตเทศบาลนครระยองต้องสั่งปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยให้นักเรียนเรียนออนไลน์ที่บ้านเพราะหวั่นจะติดเชื้อโควิด-19
เช่นเดียวกับโรงแรมที่ทหารอียิปต์เข้าพักต้องปิดบริการ รวมทั้งกักตัวกลุ่มพนักงานและแม่บ้านโรงแรมดังกล่าวรวม 12 คนแล้วนั้น
ล่าสุด สนามบินอู่ตะเภา ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ถูกผู้คนในโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ถึงความหละหลวมที่ปล่อยให้ทหารอียิปต์ติดโควิด-19 หลุดเข้าประเทศนั้น
โดย พล.ร.ท.กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้ออกมาเปิดเผยถึงการเดินทางเข้ามายังสนามบินอู่ตะเภาของทหารอียิปต์ ว่า เป็นการเดินทางโดยใช้เครื่องบิน C-130 และภายหลังได้ตรวจพบว่ามีทหาร 1 นาย จาก 31 นาย ติดเชื้อโควิด-19 จนทำให้กระแสตำหนิถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยปละละเลย และปล่อยให้ผู้ติดเชื้อผ่านเข้ามาในเมืองระยอง จนก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายนั้น
ในข้อเท็จจริงแล้วขอชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า สนามบินอู่ตะเภา ดำเนินการโดยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยได้รับแจ้งจากสถานทูตประเทศอียิปต์ และกองทัพอากาศ ว่า จะมีเครื่องบินทหารของประเทศอียิปต์ มาลงยังสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเติมน้ำมัน โดยนักบินและลูกเรือทั้งหมดจะเดินทางเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองระยอง
โดยสาเหตุที่ต้องแวะเติมน้ำมันเครื่องบิน เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ได้เดินทางออกจากอียิปต์ และในวันที่ 7 ก.ค.ได้เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปยังประเทศปากีสถาน และในวันที่ 8 ก.ค.เดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา และเข้าพักที่โรงแรมใน อ.เมืองระยอง
จากนั้นในวันที่ 9 ก.ค.ได้ออกจาก จ.ระยอง ไปทำภารกิจทางทหารที่ประเทศจีน และเดินทางกลับมาพักที่โรงแรมเดิมใน จ.ระยอง กระทั่งทราบว่า ตรวจพบทหาร 1 คน อายุ 43 ปี ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 12 ก.ค.หลังทหารทั้งหมดเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว
พล.ร.ท.กฤชพล เผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด หรือหละหลวมในการปฏิบัติงานของการท่าแต่อย่างใด และยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขึ้นตอน และกติกาสากลที่กำหนดกันไว้ เพียงแต่จะต้องนำหลักเกณฑ์ หลักปฏิบัติที่มีไว้มาทบทวนกันใหม่ว่าผู้ที่เข้ามาภายในประเทศไทยด้วยช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะสนามบินไม่สมควรมีข้อยกเว้นใดๆ
"เรื่องนี้คงเป็นเหตุการณ์ตัวอย่างของการยกเว้น จึงไม่มีมาตรการเข้มในการควบคุม แต่ก็มิได้หมายความว่าการตรวจสอบโรคหละหลวม แและทางการท่าอากาศยานได้ดำเนินการแล้ว และก่อนเข้าสนามบินก็ให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และวัดอุณหภูมิร่างกายแต่ขณะที่เดินทางเข้ามา แล้วผ่านการตรวจไม่พบว่ามีทหารนายใดผิดปกติ และที่สำคัญกลุ่มทหารไม่ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มเสี่ยง หรือมีผู้ติดเชื้อ อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ได้สิทธิยกเว้นในจำนวน 11 กลุ่ม ที่ไม่ต้องกักตัว 14 วัน" พล.ร.ท.กฤชพล กล่าว