บุรีรัมย์ - ผู้กำกับภาพยนตร์ “เข็มทอง โมราษฎร์” เดินเท้านับไม้หมอนรถไฟจาก จ.สุรินทร์ไปศาลปกครอง กรุงเทพฯ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ฟ้องกล่าวหาผลิตหนังกึ่งสารคดี “นกเงือกเทือกเขาบูโด” ไม่เสร็จตามสัญญา ทั้งที่ส่งงานตามงวดและเป็นฝ่ายได้รับเงินล่าช้า
วันนี้ (13 ก.ค.) นายเข็มทอง โมราษฎร์ อายุ 54 ปี ผู้กำกับภาพยนตร์และละคร ได้เดินเท้าโดยการนับไม้หมอนรถไฟจาก จ.สุรินทร์ ผ่านสถานีรถไฟบุรีรัมย์ มุ่งหน้าปลายทางที่ศาลปกครอง กรุงเทพมหานคร เพื่อไปให้การแก้คำฟ้อง และเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากได้ถูกกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ฟ้องศาลปกครองกล่าวหาว่า “ไม่ได้ส่งงานตามงวด และเรียกเงินคืนจำนวน 800,000 บาท” สืบเนื่องจากที่ทางกองทุนพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ฯ ได้ให้ทุนผลิตภาพยนตร์กึ่งสารคดีเรื่อง “นกเงือกเทือกเขาบูโด (The Beautiful Hornbills)” เมื่อปี 2560-2561 วงเงิน 2 ล้านบาท ทำสัญญาแบ่งจ่าย 4 งวด งวดแรก 10 เปอร์เซ็นต์ อีก 3 งวด งวดละ 30 เปอร์เซ็นต์
นายเข็มทองยืนยันว่าได้ผลิตงานส่งครบตามกำหนดทั้งงวดที่ 1 และงวดที่ 2 แต่งวดที่ 2 ทางกองทุนสื่อสร้างสรรค์ฯ ไม่จ่ายเงินให้ตรงตามสัญญา ซึ่งมีอีกหลายคนที่ได้รับเงินกองทุนไปผลิตหนังและประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน แต่บางคนไปกู้ยืมเงินมาลงทุนผลิตก่อน แต่ตนต้นทุนต่ำและไม่อยากมีหนี้สินเพิ่ม จึงตัดสินใจทำหนังสือทวงถามไปยังกองทุนสื่อสร้างสรรค์ฯ กระทั่งยอมจ่ายเงินงวดที่ 2 ให้ แต่พองวดที่ 3 ผลิตงานเสร็จเงินก็ล่าช้าอีก ตนจึงทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาเพราะกองทุนเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่จ่ายเงินตรงตามงวดงาน ซึ่งทางผู้จัดการได้เซ็นอนุมัติยกเลิกงวดงานงวดที่ 3 ให้เรียบร้อย หมายถึงว่าตนไม่มีภาระผูกพันกับทางกองทุนสื่อฯ ดังกล่าวอีก
แต่ต่อมาปี 2562 มีการตรวจสอบงบประมาณที่เหลือตกค้างอยู่ แต่มีกรณีของตนที่ไม่ได้ไปรับเงินส่วนที่เหลือ สุดท้ายทางกองทุนสื่อสร้างสรรค์ฯ กลับฟ้องกล่าวหาว่าตนทำงานไม่เสร็จและจะขอเรียกเงินคืน 800,000 บาทด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วทางกองทุนฯ เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่จ่ายเงินตรงตามงวดงานเอง
หลังจากได้รับหมายจากศาลปกครอง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ตนซึ่งเป็นจำเลยหรือผู้ถูกฟ้อง ให้ทำคำให้การแก้คำฟ้องพร้อมพยานหลักฐาน ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ตนจึงตัดสินใจออกเดินเท้าจาก จ.สุรินทร์ ไปยังศาลปกครองเพื่อไปแก้ข้อกล่าวหา ทั้งเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรม และอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบระบบการบริหารงานของกองทุนสื่อสร้างสรรค์ดังกล่าวด้วยว่ามีความโปร่งใสเป็นธรรม และจริงใจในการทำสื่อแบบสร้างสรรค์จริงหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนตนเอง แต่ไม่กล้าออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมเพราะกลัวและไม่อยากมีปัญหา แต่ตนยังเชื่อมั่นในความยุติธรรมไม่ว่าสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไร