ผจก.กองทุนพัฒนาสื่อฯ แจงประเด็นผู้กำกับภาพยนตร์เดินเท้าประท้วง เหตุเอกสารแจงบัญชีรายจ่ายไม่ครบถ้วน ชี้เป็นเคสแรกที่กองทุนยื่นฟ้อง ย้ำไม่มองใครผิด-ถูก พร้อมพูดคุยหาทางออกร่วมกัน
นายธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ชี้แจงกรณีกองทุนฯยื่นเรื่องต่อศาลปกครองฟ้องนาย เข็มทอง โมราษฎร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ขอรับทุน เมื่อปี 2560 จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อทำโครงการภาพยนตร์กึ่งสารคดี เรื่อง “นกเงือกเทือกเขาบูโด” หลังรวบรวมข้อมูลตรวจสอบแล้วพบว่าเรื่องนี้เป็นเอกสารรายงานทางบัญชีรายจ่าย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่ผู้รับทุนยื่นมาไม่ครบ โดยในการเบิกงวดที่ 1 และ 2 ยอดเงินรวม 8 แสนบาทดำเนินไปตามขั้นตอนแต่เมื่อถึงการเบิกจ่ายงวดที่ 3 กองทุนได้แจ้งขอเอกสารรายงานทางบัญชีเพิ่มเติม เพราะในงวดที่ 2 ทางผู้รับทุนยังส่งเอกสารมาไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการให้ทุนนั้นตามระเบียบราชการการจัดซื้อจัดจ้างหรือตรวจรับงานต้องมีเอกสารยืนยัน จึงจะอนุมัติเงินทำงานในแต่ละงวด แต่อาจด้วยความที่ผู้รับทุนไม่คุ้นกับระบบระเบียบขั้นตอนที่ต้องมีความละเอียด เนื่องจากเงินที่กองทุนให้ไปผลิตผลงานสร้างสรรค์ทุกชิ้น ถือเป็นเงินภาษีจากพี่น้องประชาชน
ส่วนที่นาย เข็มทอง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ได้แจ้งกับทางกองทุนขอยกเลิกสัญญาไปในงวดที่ 3 และได้มีการอนุมัติแล้วนั้น ทางกองทุนได้แจ้งไปยังผู้ขอรับทุน ทั้งโทรติดต่อประสานงานไป , ส่งเจ้าหน้าที่ ผู้แทนไปพูดคุยเจรจา 2-3 ครั้ง ว่าผู้รับทุนติดขัดตรงไหน เรื่องเอกสารหรือบัญชีก็พร้อมจะเข้าไปช่วย ซึ่งผู้รับทุนก็ไม่ได้มีการประสานงานใดๆต่อจนเกิดปัญหาดังกล่าว
นายธนกร กล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาเคสแรกที่ทางเรายื่นฟ้องผู้รับทุนฯ ที่ผ่านมากองทุนดำเนินงานการอยู่ภายใต้บอร์ด 2 ชุด คือ คณะกรรมการกองทุนชุดใหญ่ มี นาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และ คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ มีปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนมีกรอบเวลาในการพิจารณา โดยคณะกรรมการย้ำว่าให้ดูแลผู้รับทุนเหมือนทารกในครรภ์มารดาให้เหมือนมาช่วยทำงาน
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นด้วยเวลาที่ล่วงเลยมาตั้งแต่ปี 2560-61 หากไม่มีการดำเนินการอาจหมิ่นเหม่มีความเสียหายเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และทางคณะกรรมการมีมติให้ดำเนินการทางกฎหมาย แต่เป็นการยื่นต่อศาลปกครอง ซึ่งหากมองในมุมกฎหมายจะเบากว่าศาลแพ่งหรืออื่นๆ โดยนัดแรกจะเป็นการเชิญคู่กรณีมาไกล่เลี่ยกันภายใน 30 วัน แม้ขณะนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมาย
“ ในฐานะผู้จัดการกองทุนฯ ไม่เคยโทษว่าใครผิด-ใครถูก เชื่อว่าผู้ขอรับทุนมีเจตนาดีในการที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นการสื่อสารระหว่างกันที่ไม่ชัดเจนจนเกิดความ ไม่เข้าใจ จึงอยากให้ทางนายเข็มทอง เปิดใจและมาพูดคุยกับทางกองทุนฯเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน “นายธนกรกล่าว