เชียงใหม่-รอง ผบช.ภาค5สั่งตรวจสอบกรณีหนุ่มใหญ่แจ้งความที่สระบุรีโดนสาวเชียงใหม่หลอกโอนเงิน4ล.จนหมดตัว พบที่จริงเป็นคนลำปาง แต่เคยได้สามีที่สารภี เตือนสายเปย์โอนไวตั้งสติให้ดี ด้านพิธีกรข่าวช่องดังเผยใจช้ำๆเคยโดนแบบเดียวกัน
กรณี ชายอายุ 53 ปีชาวจังหวัดสระบุรีเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรเสาไห้ จังหวัดสระบุรี และ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรม ในสังคม เพื่อ ขอความช่วยเหลือในการติดตาม เงินคืนหลังจากถูกนางสาวแจงอายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่ ที่รู้จักกันทางโซเชียลมีเดีย ตีสนิทหลอกให้รัก และโอนเงินให้ทั้งสิ้นรวมกว่า 4 ล้านบาท แต่จากนั้นตีตัวออกห่างและขาดการติดต่อเงียบหายไปนั้น
พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 เปิดเผยว่า ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ประสานงานกับสถานีตำรวจภูธรสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวคนดังกล่าวที่ถูกระบุว่าเป็นชาวสารภี ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าที่จริงแล้วหญิงสาวคนดังกล่าวอายุ 32 ปี เป็นชาวอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง แต่เมื่อหลายปีก่อนเคยได้สามีเป็นชาวอำเภอสารภีก่อนที่จะเลิกราและแยกย้ายกันไป ทั้งนี้อยากฝากแจ้งเตือนชายหนุ่มทั้งน้อยใหญ่ที่หวังจะหาหญิงสาวเป็นคู่ผ่านโซเชียลมีเดียให้ระวังตัวและใช้สติให้มากๆ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกหลอกหรือตกเป็นเหยื่อ หากถูกโน้มน้าวให้โอนเงินอย่าหลงเชื่อง่ายๆ เพราะมีตัวอย่างให้เห็นแล้วจำนวนมาก
ขณะที่หนุ่มใหญ่วัยใกล้ 60ปี พิธีกรรายการข่าวโทรทัศน์ช่องดังแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ3-4 ปี ที่แล้วเคยถูกหญิงสาวรายหนึ่งชาวจังหวัดลำปางหลอกลวงในลักษณะเช่นเดียวกันนี้มาแล้ว โดยรู้จักกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย เห็นเพียงแต่รูปและพูดคุยโทรศัพท์ แล้วตกลงคบหากันจนถึงขั้นจะแต่งงานซึ่งกำหนดวันแต่งงานเป็นที่เรียบร้อย ทั้งที่ไม่เคยเจอตัวจริงกันแม้แต่ครั้งเดียว
โดยตัวเองโอนเงินให้ใช้จ่ายและเป็นค่าเตรียมจัดงานแต่งงาน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า400,000บาท ซึ่งทางฝ่ายหญิงยังให้มีการติดต่อพูดคุยกับญาติพี่น้อง และมีการถ่ายรูปสถานที่จัดงานแต่งงาน รวมทั้งการเตรียมการต่างๆ ให้ดูด้วย นอกจากนี้ตัวเองยังซื้อรถยนต์ให้หญิงสาวคนดังกล่าวด้วย
แต่ปรากฏว่าเมื่อใกล้ถึงวันแต่งงานจริง หญิงสาวคนดังกล่าว ได้ขาดการติดต่อและหายตัวไป จึงรู้ตัวว่าน่าจะถูกหลอกแล้ว และได้เข้าขอความช่วยเหลือจากทางตำรวจภูธรภาค 5 ติดตามคืนมาได้เพียงรถยนต์ที่อยู่ในสภาพโทรมมากเท่านั้น แต่ไม่ได้เงินคืนและไม่ได้ดำเนินคดี เพราะไม่อยากเสียเวลาและเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้อยากฝากเตือนและให้กรณีของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ให้กับชายหนุ่มคนอื่นๆ ว่าอย่าได้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกันนี้อีก โดยตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีการทำกันเป็นทีมและชายหนุ่มที่มักจะตกเป็นเหยื่อนั้น สาวที่ก่อเหตุจะเลือกหนุ่มใหญ่ที่เป็นโสดหรือหม้าย ที่พอมีเงินและมีหน้าตาทางสังคมประมาณหนึ่ง ซึ่งหวังจะหาคู่ชีวิตดูแลในช่วงบั้นปลาย เมื่อหลอกเงินได้แล้วจะหนีหายไปเพราะรู้จุดอ่อนว่าเหยื่อกลุ่มนี้เป็นห่วงหน้าตาทางสังคมและไม่ค่อยเอาเรื่องเนื่องจากอับอาย.
