กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าบ้านกกกอด รีสอร์ตชื่อดังเมืองกาญจน์ หลังผู้ประกอบการยอมรื้อถอนด้วยตนเอง ถึงแม้จะสูญเงินถึง 13 ล้านบาท เหตุผวา กม.อุทยานฯฉบับใหม่ คาดสิ้นเดือน ก.ค.รื้อถอนเสร็จ 100%
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า จากนโยบาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อนายทุนผู้บุกรุกป่า วันนี้ (10 ก.ค.) ตนเอง และนายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย ชุดพญาเสือ นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จำนวน 10 นาย ได้ร่วมกันติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ต ชื่อ "บ้านกกกอด" ตั้งอยู่ท้องที่ ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 20 หลัง เนื้อที่ 8 ไร่ 1 งาน 62 ตารางวา ที่เปิดบริการให้เช่าห้องพักราคาห้องละ1,200-3,000 บาทต่อวัน มานานหลายปี
รีสอร์ตดังกล่าวมี นายศิริยุทธ สิริยุทธพงษ์ นายทุนใหญ่ ชาวจังหวัดนครปฐม เป็นเจ้าของ โดยมีหุ้นส่วนในทางลับเป็นถึงลูกสาวอดีตทหารยศระดับนายพล ที่ได้ซื้อที่ดินผ่อนผันตามมติ ครม.30 มิ.ย.2541 มาจาก น.ส.เบญจพร โรจน์ขจรนภาลัย และนายราเชล หอชะเอม ในราคา 13 ล้านบาท จากนั้นนำที่ดินแปลงดังกล่าวมาทำธุรกิจรีสอร์ตชื่อ "บ้านกกกอด" จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจากมีสภาพทางธรรมชาติที่สวยงามติดอ่างเก็บน้ำเขื่อนท่าทุ่งนา แต่ที่ดินนั้นอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี จึงเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย
โดย นายศิริยุทธ ได้ยินยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รีสอร์ต "บ้านกกกอด" จำนวน 20 หลังของตนเองออกไปให้พ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ โดยได้ว่าจ้างคนงานเข้ามาทำการรื้อถอนตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.2563 จนถึงวันนี้ได้รื้อถอนรีสอร์ตไปแล้วกว่า 30% ส่วนที่เหลือจะต้องรื้อถอนให้แล้วเสร็จไม่เกินสิ้นเดือน ก.ค.63 นี้
นายนิพนธ์ เปิดเผยต่อไปว่า มูลเหตุที่ทำให้นายศิริยุทธ ยอมรื้อถอนรีสอร์ต "บ้านกกกอด" ด้วยตนเองนั้น สืบเนื่องมาจาก นายศิริยุทธ ได้ไปซื้อที่ดินผ่อนผันตามมติ ครม. 30 มิ.ย.41 ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ในปี พ.ศ.2558 โดยทำกิจการรีสอร์ตในที่ดินดังกล่าว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอุทยานแห่งชาติ
โดยเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2559 นายศิริยุทธ ได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสภ.ลาดหญ้า ในข้อหายึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต
ต่อมา วันที่ 24 ต.ค.2560 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งไม่ฟ้องนายศิริยุทธ ทำให้นายศิริยุทธ หลุดพ้นความผิดในคดีอาญา ทำให้นายศิริยุทธ เปิดกิจการรีสอร์ต "บ้านกกกอด" เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
จากนั้นวันที่ 20 ก.พ.2563 ตนในฐานะผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และนายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ เห็นพร้อมกันว่า ถึงแม้อัยการจังหวัดกาญจนบุรี จะมีคำสั่งไม่ฟ้องก็ตาม แต่รีสอร์ต "บ้านกกกอด" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จึงได้ปิดประกาศคำสั่งให้ผู้ประกอบการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ ปี พ.ศ.2562 มาตรา 35 (2) ให้รื้อถอนภายในวันที่ 5 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา
แต่เนื่องจากระยะเวลาช่วงดังกล่าวอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิท-19 ที่รุนแรง ดังนั้น หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จึงทุเลาคำสั่งผ่อนผันให้รื้อถอนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 หากผู้ประกอบการฝ่าผืนไม่ยอมรื้อถอนตามประกาศคำสั่งภายในเวลาที่กำหนด
ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 3 ปี และปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมีค่าปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแล้วเสร็จ
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2563 นายศิริยุทธ ได้ฟ้องต่อศาลปกครองสุพรรณบุรี เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศคำสั่ง และขอทุเลาการบังคับไม่ให้มีการรื้อถอนรีสอร์ต "บ้านกกกอด" ตามประกาศคำสั่งของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2563
จากนั้นวันที่ 15 เม.ย.2563 ศาลปกครองสุพรรณบุรี มีคำสั่งรับคำฟ้อง ของนายศิริยุทธิ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ส.2/2563 เปิดโอกาสให้นายศิริยุทธ ต่อสู้คดีทางปกครองในการพิสูจน์การได้มาของที่ดินและรีสอร์ต "บ้านกกกอด" ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ซึ่งสามารถอุทธรณ์ต่อสู้คดีได้ถึงศาลปกครองสูงสุด
แต่สำหรับคำขอให้มีการทุเลาการบังคับไม่ให้มีการรื้อถอนรีสอร์ต "บ้านกกกอด" นั้น ศาลปกครองสุพรรณบุรี มีคำสั่งไม่ทุเลาการบังคับ ให้อุทยานแห่งชาติเอราวัณ รื้อถอนรีสอร์ต "บ้านกกกอด" ตามประกาศคำสั่งของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้ตามมาตรา 35 (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 นับแต่วันที่ 30 มิ.ย.2563 เป็นต้นไปโดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด
ก่อนครบกำหนดตามประกาศคำสั่งรื้อถอนรีสอร์ต "บ้านกกกอด" ของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ในวันที่ 30 มิ.ย.2563 นั้น นายศิริยุทธ ได้ยินยอมว่าจ้างคนงานเข้ามารื้อถอนรีสอร์ต "บ้านกกกอด" เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2563 จนถึงปัจจุบัน เพราะไม่ต้องรับโทษในข้อหาฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง ตามมาตรา 35 (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ถึงแม้ยังมีการต่อสู้คดีในชั้นศาลปกครองสุพรรณบุรี อยู่ก็ตาม
ซึ่งหลังจากรื้อถอนรีสอร์ต "บ้านกกกอด" ออกไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณหมดแล้ว ทางอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จะร่วมกับชาวตำบลช่องสะเดา นำพื้นที่ทั้งหมดมาฟื้นฟูให้กลับมาเป็นสภาพป่า และจะพัฒนาให้เป็นศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนในพื้นที่และใกล้เคียงต่อไป
ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติเอราวัณ เคยติดประกาศรื้อถอนรีสอร์ตตามกฎหมายอุทยานมาตรา 22 ฉบับเก่า เมื่อปี พ.ศ.2560 ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่มีบทลงโทษต่อผู้ประกอบการรีสอร์ต ผ่านมา 3 ปีผู้กระทำผิดก็ยังไม่ยอมรื้อถอนรีสอร์ต
แต่เมื่อมีกฎหมายอุทยานมาตรา 35 ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ที่มีบทลงโทษที่รุนแรง หากไม่รื้อถอนรีสอร์ต อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ก็สามารถติดประกาศคำสั่งรื้อถอนรีสอร์ตตามกฎหมายอุทยานฉบับใหม่ ซ้ำอีกครั้งได้ เพราะว่าการรื้อถอนรีสอร์ตเป็นกฎหมายวิธีบัญญัติบังคับย้อนหลังได้ เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้รื้อถอนรีสอร์ตได้ตามทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่เทียบเคียงตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3342 / 2525
เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ อุทยานแห่งชาติแห่งไหนที่เคยติดประกาศคำสั่งรื้อถอนตามมาตรา 22 ไปแล้ว หากปัจจุบันผู้กระทำผิด ยังไม่ยอมรื้อถอนก็สามารถติดประกาศคำสั่งรื้อถอนซ้ำใหม่อีกครั้งได้ ตามมาตรา 35 กฎหมายอุทยานฉบับใหม่ ซึ่งมีโทษรุนแรงกว่า ตามบรรทัดฐานคำพิพากษาฎีกา 3342/ 2525 ที่ได้วางหลักเอาไว้” นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เผย