ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ยอมรับเงินสำนักงานจังหวัดหาย เพราะผู้มีอำนาจในหน่วยงานปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ลูกจ้างทำงานโดยพลการ หากผลการสอบสวนเกิดจากความบกพร่องของข้าราชการคนใด คนนั้นต้องรับผิดชอบทั้งทางวินัย และชดใช้ค่าเสียหาย
กรณีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดยักยอกเงินจำนวน 33.9 ล้านบาท โดยกระทำความผิดปลอมแปลงเอกสาร และนำเงินงบประมาณทางราชการออกจากระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS แล้วโอนผ่านบัญชีตนเองไปหลายบัญชี พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี อาญาที่ 250/2563 สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ฝากขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.แล้วนั้น
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้พบยอดเงินในการทุจริตเพิ่มจาก 33.9 ล้านบาท เป็น 39.2 ล้านบาท จากการใช้ระบบออนไลน์ ทำข้อมูลเท็จโอนเงินเข้าบัญชีมารดาและญาติ พร้อมปลอมลายมือผู้มีอำนาจจากบัญชีเช็คงบประมาณจังหวัด สั่งเบิกจ่ายเงินสดจากธนาคารกรุงไทย พบความผิดตั้งเดือนเมษายน 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2563
เนื่องจากได้รับแจ้งจากธนาคารกรุงไทยว่าเจอเช็คเด้งจากสำนักงานจังหวัด จำนวน 120,000 บาท ซึ่งสั่งจ่ายหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ขณะที่ทางราชการได้อายัดเงินคืนได้เพียง 7 แสนกว่าบาท พร้อมสั่งให้ลูกจ้างออกจากราชการ
“ปัญหาเกิดจากผู้มีอำนาจในหน่วยงานปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ลูกจ้างทำงานโดยพลการ เนื่องจากเห็นว่าเชี่ยวชาญใน ระบบไอที และหากผลการสอบสวนพบปัญหาจากการเบิกจ่ายที่ทำให้มีการทุจริต เกิดจากความบกพร่องของข้าราชการรายใด ก็จะต้องรับผิดชอบทั้งทางวินัยและชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิด ตามอำนาจหน้าที่ได้รับมอบหมาย”
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยประสาน ปปง.ให้ช่วยติดตามเงินที่โอนไปเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะการนำเงินไปฝากไว้ในเว็บเพื่อถอนคืนในภายหลัง หากพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ใดก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมติดตามเส้นทางการเงินที่โอนให้เครือญาติ แต่ขณะนี้ยังไม่ออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม