นครพนม - นายอำเภอบ้านแพงตั้งกรรมการจากทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบที่ดินงอกใหม่ริมโขง “หาดดอนแพง” กว่า 5,000 ไร่ สแกนหานายทุนฮุบที่แล้วปล่อยชาวบ้านเช่า ด้านนายกเล็กยันไม่มีอำนาจดูแล ทำหนังสือชงมหาดไทยแก้ปัญหานานนับ 10 ปีไม่คืบ
จากกรณีอาทิตย์ก่อนนี้ได้มีตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาว อ.บ้านแพง นำโดย นายอังกูล ถิ่นพนม อายุ 56 ปี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ อ้วนแก้ว อายุ 62 ปี หอบเอกสารหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อ นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอบ้านแพง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งตรวจสอบแก้ไขเกี่ยวกับปัญหานายทุนฉวยโอกาสเข้าไปครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ติดริมน้ำโขง ที่ชาวบ้านเรียกว่า “หาดดอนแพง” ซึ่งเป็นพื้นที่งอกใหม่
โดยหาดดอนแพงครอบคลุมพื้นที่บ้านหัวหาด หมู่ 12 จดบ้านท่าลาด หมู่ 9 ต.บ้านแพง ระยะทางยาว 7 กิโลเมตร รวมเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ เดิมมีพื้นที่ประมาณเกือบ 3,000 ไร่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งให้ อบจ.นครพนมดำเนินการจัดสรรให้ชาวบ้านเช่าทำกินตั้งแต่ปี 2528 จนกระทั่งปัจจุบัน มีที่ดินงอกเพิ่ม รวมกว่า 5,000 ไร่ แล้วมีนายทุนเข้าไปครอบครอง แสวงประโยชน์ ขูดรีดเก็บค่าเช่าจากชาวบ้านที่เช่าทำกิน ไร่ละประมาณ 7,000-8,000 บาทต่อปี
การเข้าครอบครองที่รัฐนำไปหาประโยชน์ส่วนตัวของนายทุนดังกล่าวไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปกำกับดูแลแม้แต่ภาษีก็ไม่มีการจัดเก็บ ทำให้รัฐเสียหาย ที่สำคัญชาวบ้านที่ทำกินในที่ดินรัฐถูกนายทุนขูดรีดค่าเช่ามานานหลายสิบปี
ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ล่าสุด นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอบ้านแพง เปิดเผยว่า หลังมีการร้องเรียน ทางอำเภอได้ออกคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับที่ดินอำเภอ ที่ดินจังหวัด เทศบาลตำบลบ้านแพง และหน่วยงานเกี่ยวข้อง สอบสวนข้อเท็จจริง และตรวจสอบหลักฐานจากผู้ร้องเรียนรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพื้นที่ดินริมน้ำโขงดังกล่าวเป็นที่งอกใหม่ เดิมกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ อบจ.นครพนมจัดสรรจัดเก็บภาษีมาตั้งแต่ปี 2528 จากนั้นสภาพพื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหลายพันไร่ ทำให้มีชาวบ้านเข้าไปจับจองทำการเกษตร และอาจมีการตกลงซื้อขายกันส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอจะให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสำรวจตรวจสอบการครอบครองปัจจุบันทั้งหมด ต้องใช้วิธีการสอบสวนหาหลักฐานที่มาที่ไปของที่ดินแต่ละแปลงเพื่อยืนยันหาผู้ครอบครอง หากพบว่ามีนายทุนเข้าไปครอบครองจริงเพื่อแสวงประโยชน์ จะต้องมีการสรุปหลักฐานเสนอให้จังหวัดดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
“ในกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีกลุ่มนายทุนเข้าไปครอบครองแล้วนำไปแสวงผลประโยชน์ จะต้องทำการยกเลิกและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เพราะถือว่าผิดวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐ” นายวรวิทย์กล่าว
ด้านนายดนัย สิทธิวัชระชัย นายกเทศมนตรีตำบลบ้านแพง กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่งอกใหม่ ติดกับแม่น้ำโขง ไม่ได้อยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลบ้านแพง เดิมมีเนื้อที่ประมาณ 2,500 ไร่ กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ อบจ.นครพนมดูแล จัดสรรให้เกษตรกรเช่าในรูปแบบการเสียภาษี ไร่ละประมาณ 20 บาท มาตั้งแต่ปี 2528 ภายหลังที่ดินงอกเพิ่มกว่า 5,000-6,000 ไร่ แต่ไม่มีความชัดเจนในการเข้าไปดูแล
เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยยังไม่มีคำสั่งในการถ่ายโอน ซึ่งทางเทศบาลตำบลบ้านแพงได้ทำหนังสือไปยังกรมที่ดิน รวมถึงกระทรวงมหาดไทย มานานกว่า 10 ปี เพื่อให้ดำเนินการถ่ายโอน และสั่งการให้เกิดความชัดเจนเพื่อเข้าไปดูแล จัดเก็บภาษี และบริหารจัดการในที่ดินของรัฐ และได้จัดสรรงบประมาณเข้าไปสำรวจรังวัดในตอนที่ 1 มาก่อนนี้ พร้อมเสนอผ่านจังหวัด และมหาดไทย
แต่จนขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้เทศบาลไม่สามารถเข้าไปจัดเก็บภาษีได้เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ส่งผลให้มีเกษตรกร รวมถึงกลุ่มบุคลเข้าไปบุกรุกครอบครองทำกินด้วยช่องว่างของกฎหมาย
เทศบาลตำบลบ้านแพงอยากให้จังหวัดนครพนมเร่งเสนอกระทรวงมหาดไทยสั่งการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคล หรือนายทุนเข้ามาแสวงประโยชน์ ที่สำคัญจะเป็นการจัดสรรที่ดินรัฐเข้าระบบการดูแลจัดเก็บภาษีตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันคาดว่าหากมีการจัดเก็บภาษีให้เกษตรกรทำกินจะสามารถนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่นได้มากพอสมควร คาดว่าจัดเก็บได้ไร่ละประมาณ 100 บาท
แต่หากไม่มีความชัดเจน จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่อย่างแน่นอน สิ่งที่ตามมาคือปัญหาบุกรุกครอบครองเข้าไปแสวงประโยชน์ของกลุ่มนายทุน