ศูนย์ข่าวศรีราชา - คนไทยจากอีก 4 ประเทศที่ตกค้างจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กว่า 400 ชีวิต ยังคงทยอยเดินทางกลับเข้าไทยและเข้ารับกักตัวในพื้นที่ State Quarantine เมืองพัทยา ท่ามกลางการจับตาแนวทางกระชากหน้ากากขบวนการ "พ" งาบหัวคิว 40% ของรัฐบาล
จากกรณีที่ผู้ประกอบการภาคธุรกิจในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างเป็นตัวแทนหน่วยงานของรัฐไม่ทราบสังกัด เข้ามาเจรจาเพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากโรงแรมที่ปิดบริการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และต้องการมีรายได้จากการถูกเสนอชื่อให้ได้รับการจัดตั้งเป็น State Quarantine ที่จะได้ค่าตอบแทนจากรัฐเป็นค่าหัวของผู้เข้าพักที่ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน รายละ 1,000 บาทต่อวันต่อคน
โดยเสนอหักค่าหัวคิดรายละ 40% ของค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวัน จนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักถึงการกระทำของกลุ่มขบวนการดังกล่าว
กระทั่ง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาแถลงหลังประชุมสภากลาโหม ว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริงและมีรายชื่อของกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างแล้ว โดยรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งทำการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดเพื่อดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายอย่างจริงจังนั้น กรณีดังกล่าวปัจจุบันพบว่ายังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนในทางลับ
ล่าสุด วันนี้ (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังมีคนไทยที่ติดค้างอยู่ในประเทศอิตาลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน จำนวนกว่า 400 คน ที่เดินทางกลับเข้าประเทศไทย ยังคงเดินทางเข้ารับการกักตัวที่โรงแรมในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น State Quarantine จำนวน 7 แห่งอย่างต่อเนื่อง
ประกอบด้วย โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซีตี้ จอมเทียน จอมเทียนปาล์มบีช ไบร์ตันแกรนด์ พัทยา จอมเทียนฮอลิเดย์ อินน์ เบย์บีช รีสอร์ท จอมเทียน เดอะเบเวอร์รี่ พัทยา และ เลอบาหลี
หลังก่อนหน้านี้ ได้มีคนไทยจากต่างแดนกว่า 2,000 คนเข้ารับการกักตัวตามจุดต่างๆ ในเมืองพัทยาไปก่อนหน้าแล้ว