เชียงราย - ตำรวจเดินหน้าสอบปากคำผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อ จนท.ชาย-หญิง บางหน่วยงานในเชียงราย อ้าง หน.อุทยานฯ หลอกรีดหัวคิวคนละ 7 หมื่น แลกฝากบรรจุเข้าทำงานอุทยานฯ ถ้ำหลวง
วันนี้ (25 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้ให้ผู้เสียหายเป็นชายอายุ 27 ปี ชาว อ.เชียงของ จ.เชียงราย เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หลังแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าถูกกลุ่มคนเป็นชายและหญิง เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประจำอยู่ใน จ.เชียงราย เรียกรับเงิน 70,000 บาท แลกกับการช่วยให้เข้าทำงานราชการในอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีของบุคคลทั้งสอง คนหนึ่ง 30,000 บาท และ 41,000 บาทตามลำดับ โดยได้เก็บหลักฐานเป็นเอกสารการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาบิ๊กซีเชียงราย เอาไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม กระทั่งเวลาล่วงมาถึงวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้เข้าทำงาน เมื่อสอบถามไปก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง และต่อมาพบว่าทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ มีประกาศให้ประชาชนระวังบุคคลแอบอ้างหลอกลวงว่าสามารถพาเข้ารับราชการ-ทำงานในอุทยานฯ ถ้ำหลวงได้ จึงเชื่อว่าตัวเองถูกหลอกและเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อทั้งสองคนในข้อหา ฉ้อโกง
ขณะเดียวกัน ได้มีหญิงสาวอายุ 26 ปี ชาว อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย เหมือนกันว่าถูกบุคคลกลุ่มเดียวกันเรียกร้องเงินจำนวน 70,000 บาท แลกกับการช่วยให้เข้าทำงานในสำนักงานอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงเช่นกัน ซึ่งหญิงสาวรายนี้ได้โอนเงินงวดแรกไปให้ผู้ติดต่อที่เป็นหญิงจำนวน 40,000 บาท แต่ต่อมาเกิดสงสัยเกรงว่าจะถูกหลอกจึงไม่โอนเงินงวดที่ 2 ที่เหลืออีก 30,000 บาท และตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกำหนดให้คืนเงินก่อนวันที่ 25 พ.ค.นี้ด้วย ไม่เช่นนั้นจะนำพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดด้วย
ทั้งนี้ เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกวี ประสมพล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ได้มีประกาศของอุทยานฯ ออกมาว่ามีผู้แอบอ้างตัวเป็นหัวหน้าอุทยานถ้ำหลวงฯ หลอกลวงประชาชนทั่วไปด้วยการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการเข้าทำงานที่อุทยานฯ เป็นเหตุให้มีผู้หลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้กลุ่มคนดังกล่าวเพราะหวังจะได้บรรจุเข้าทำงานที่อุทยานฯ ซึ่งไม่เป็นความจริงและยังสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการ ดังนั้น หากผู้ใดมีข้อมูลสามารถแจ้งต่อหัวหน้าอุทยานถ้ำหลวงฯ ซึ่งจะปิดข้อมูลเป็นความลับเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดต่อไป
