กำแพงเพชร - ปธ.บริษัทค้าข้าวรายใหญ่กำแพงเพชร เบรก อคส.ประมูลขายข้าวในสต๊อก จี้ให้เคลียร์หนี้ค่าเช่าคลังสินค้าเก็บข้าวที่ตามทวงกันมา 6 ปี ยังค้างอีกกว่า 1 พันล้านก่อน ประกาศสงวนสิทธิห้ามขนข้าวออกจนกว่าจะจ่ายหนี้ครบ
วันนี้ (24 พ.ค.)นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย อายุ 50 ปี ประธานบริษัท สิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 99/1 หมู่ 2 ต.ธำมรงค์ อ.เมืองกำแพงเพชร ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรียกร้องให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ยกเลิกประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ซึ่งมีกำหนดจะเปิดทำการประมูลข้าวที่อยู่ในคลังสินค้าของบริษัทฯ ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 นี้
ประธานบริษัท สิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า ข้าวสารที่เก็บไว้ในคลังสินค้าของบริษัทฯ เป็นข้าวที่เหลือจากโครงการปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุง ซึ่ง อคส.ได้มีหนังสือสั่งให้บริษัทหยุดปรับปรุงบรรจุถุงและให้นำข้าวที่เหลือจากการปรับปรุงส่งคืนเข้าคลังสินค้ากลาง อคส. โดยข้าวส่วนหนึ่งที่ทางบริษัทได้ส่งคืนนั้น ได้เก็บรักษาไว้ที่คลังของบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด ซึ่ง อคส.ได้ทำสัญญาเช่าไว้
ทั้งนี้ อคส.ยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการส่งข้าวคืน ประกอบด้วยค่าบรรจุภัณฑ์ค่าบรรทุกค่ารมยาค่าแรงกรรมกรรวม 296 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหนังสือค้ำประกันที่หมดภาระผูกพันธ์ในสัญญาจ้าง ปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงจำนวน 7 ฉบับ รวม 379 ล้านบาทเศษ และเบี้ยปรับอีก 82 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ยังมีค่าเช่าคลังสินค้าพร้อมเบี้ยปรับ อีก 280 ล้านบาทเศษ และค่าแรงกรรมกรขนถ่ายข้าวสารเข้าคลังสินค้ากลาง พร้อมเบี้ยปรับ 27 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,065 ล้านบาท
นายมนต์ชัยยืนยันว่า อคส.ทราบเป็นอย่างดีว่าบริษัท สิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ให้เช่าคลังสินค้ามานานแล้วกว่า 6 ปี ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ทำหนังสือเรียกร้องให้ชำระหนี้ มาอย่างต่อเนื่องตลอด 6 ปี จนในที่สุดเมื่อเดือนธันวาคมปี 2562 ทาง อคส.จึงยอมทำสัญญาเช่าคลังให้ และมีบันทึกข้อตกลงว่าจะชำระค่าเช่าให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 30 วันหลังจากทำสัญญา กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 จึงยินยอมชำระให้บางส่วน แต่ก็ยังคงมีหนี้ค้างชำระกับทางบริษัทอีกกว่า 1 พันล้านบาท
“ทางองค์การคลังสินค้ายังคงผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้น บริษัทฯ จึงได้ใช้สิทธิ์ยึดหน่วงข้าวสารทั้งหมดไว้ ในคลังตามบันทึกข้อตกลงตามสัญญาที่ได้บันทึกกันไว้เมื่อ ไปเมื่อ วันที่ 3 ธันวาคม 2562 แต่เมื่อ อคส.ยังคงประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐในคลังดังกล่าวนี้ โดยเริ่มประกาศเมื่อวันที่ 12 พ.ค. และจะมีการประมูลกันในวันที่ 26 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทจึงต้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อให้ อคส.ยกเลิกการประกาศประมูลข้าวที่อยู่ในคลังสินค้าของบริษัท สิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทั้ง 5 หลังเอาไว้ก่อน”
และตามประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐครั้งนี้ จะเปิดคลังสินค้ากลางที่เช่าไว้ เพื่อให้ผู้ประมูลได้ดูคุณภาพข้าวสารในคลังประกอบตัดสินใจของผู้ประมูล ตั้งแต่วันที่ 14 - 20 พฤษภาคม 2563 แต่ในข้อเท็จจริงทางบริษัทได้สงวนสิทธิการให้เข้าดูข้าวสารในคลังสินค้า ผู้ที่จะประมูลจึงไม่สามารถทราบถึงคุณภาพข้าวในคลังแต่อย่างใด เหตุนี้จึงทำให้ผู้ประมูลไม่มีโอกาสได้เข้าดูสินค้าแม้แต่เพียงรายเดียว
นายมนต์ชัยกล่าวต่ออีกว่า หาก อคส.ยังคงไม่ยกเลิกการประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ และหากมีผู้ชนะการประมูลข้าวในครั้งนี้ก็จะมีปัญหาตามมา เนื่องจากผู้ชนะประมูลจะไม่สามารถขนย้ายข้าวสารออกจากคลังของบริษัทสิงห์โตทองฯ ได้ เนื่องจากทางบริษัทจำเป็นต้องรักษาสิทธิ และปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงตามสัญญาที่ได้ทำกันไว้ ด้วยการยึดหน่วงข้าวสารในคลังทั้งหมดไว้จนกว่า อคส.จะชำระหนี้ให้กับบริษัทครบถ้วนเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
ประธานบริษัท สิงห์โตทอง ยังบอกด้วยว่า นอกจากนี้ อคส.ยังได้เก็บข้าวสารกองไว้นอกคลังอีก 3 หมื่นกระสอบ หรือประมาน 300 ตัน ทั้งหมดถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เข้ามาดูแลรักษาคุณภาพข้าวตามเกณฑ์กำหนด ทำให้ข้าวเหล่านี้ได้รับความเสียหายเน่าเสีย ซึ่งทำให้รัฐได้รับความเสียเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบความเสียหายว่าเกิดจากการประมาทเลินเล่อหรือเกิดจากการเพิกเฉยละเว้นของเจ้าหน้าที่ ทำให้รัฐได้รับความเสียหายในครั้งนี้
รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกรณีหัวหน้าคลังสินค้าคนหนึ่งในนครสวรรค์ ได้ทำเอกสารเท็จโอนข้าวลมมายังบริษัท สิงห์โตทองฯ 6,205 ตัน ช่วงปี 2556 โดยอ้างว่าโอนเพื่อจ่ายเป็นค่าจ้างปรับปรุงคุณภาพข้าวสารบรรจุถุง ทางบริษัทได้แจ้งดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร และเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงาน ป.ป.ท. จนถึงขณะนี้คดียังคงเงียบหาย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหารายนี้จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 ที่จะถึงนี้ด้วย
