ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ รวบผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกง ซึ่งมีผู้เสียหายร่วมกันร้องทุกข์ จำนวน 17 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท ได้ 1 ราย ขณะตั้งจุดตรวจบนถนนบายพาสชะอำปราณบุรี
วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.คมสัน วรรณสกุล รองสารวัตรสืบสวนสอสวน สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 2 กองบัญชาการตำรวจทางหลวง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำการตั้งจุดตรวจบนถนนหลวงหมายเลข 37 สายบายพาสชะอำ-ปราณบุรี กิโลเมตรที่ 27 ขาล่องใต้ ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตั้งจุดตรวจพบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ขย 5716 เชียงใหม่ ซึ่งขับเข้ามายังจุดตรวจมุ่งหน้าไปพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ารถคันดังกล่าวฝ่าฝืนป้ายจำกัดความเร็ว จึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและทำการออกใบสั่งแก่ผู้ขับขี่
จากการตรวจสอบทราบชื่อคนขับรถคันดังกล่าวคือ นายชลิต อินทร ขณะจับกุมนายชลิต มีท่ามีพิรุธสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบชื่อและนามสกุล และหมายเลขบัตรประชาชนกับระบบสารสนเทศของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ระบบ CRIMES ON MOBILE และระบบ POLICE) พบว่า นายชลิต อินทร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดแขวงพระนครเหนือ ที่ จ.77/2558 ลงวันที่ 29 มกราคม 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงหมายจับให้ นายชลิต อินทร ดู ซึ่งนายชลิต อินทร ให้การรับว่าตนเองเป็นบุคคลผู้มีชื่อและนามสกุลตรงกันกับผู้ต้องหาในหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อและนำตัวมาที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหัวหิน เพื่อทำบันทึกการจับกุม และนำตัวผู้ถูกจับกุมส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.57 นางสุภาวดี น้อยปลา พร้อมกับพวก รวม 17 คน ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปราม ให้ดำเนินคดต่อ น.ส.สุวรรณา ปัญญาใจ กับพวกผู้ต้องหา ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกง" กรณีผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้กล่าวหา กับพวกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าประเภทอะไหล่รถจักรยานยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ไปขายยังประเทศมัลดีฟส์ และจะได้ผลตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนเงินที่ลงทุน ผู้กล่าวหากับพวกหลงเชื่อมอบเงินร่วมลงทุนให้ไปหลายครั้งรวมเป็นเงิน 14,451,140 บาท ต่อมาเมื่อครบกำหนดก็ไม่มีการโอนเงินคืนมาให้ผู้กล่าวหา กับพวกแต่อย่างใด โดยนายชลิต เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ