ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “เทวัญ” รมต.สำนักนายกฯ มอบเงินเยียวยาราษฎรประสบอัคคีภัย พร้อมมอบถุงยังชีพ 300 ชุดให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษโควิด-19 เผยเตรียมเสนอ ครม. เยียวยาพระสงฆ์ทั่วประเทศ กว่า 2.7 แสนรูป เผย นายกฯตู่ ย้ำผ่อนปรนเฟส 2 หากพื้นใดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสั่งปิดทันที
วันนี้ ( 16 พ.ค. ) ที่วัดศีรษะละเลิง ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาราษฎรที่ประสบอัคคีภัย จากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 ราย รวมเป็นเงิน 165,000 บาท โดยมีนายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
พร้อมมอบถุงน้ำใจแบ่งปันเพื่อยังชีพ จำนวน 300 ชุด ให้กับประชาชน ผู้สูงอายุ คนชรา ผู้พิการ ในพื้นที่ตำบลบ้านใหม่ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกันนี้ได้เป็นประธานแจกข้าวกล่อง ขนม น้ำดื่มให้กับคนยากจนผู้ยากไร้ชุมชนจิระ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา จำนวน 500 ชุด ด้วย
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ได้แก่ อุทกภัย วาตภัย และอัคคีภัย ต้อง พิจารณาว่าผู้ประสบภัยเข้าหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือหรือไม่ และการให้การสนับสนุนเป็นจํานวนเงิน นั้นเป็นไปตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้ เช่น การให้ความช่วยเหลือกรณีเสียชีวิต บ้านเรือนเสียหาย เงินทุนประกอบอาชีพ ซึ่งกระบวนการหากเรื่องมาถึงสํานักนายกรัฐมนตรีแล้ว จะใช้เวลาในการดําเนินการไม่เกิน 30 วัน และฝากถึงประชาชนว่าให้ระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะหากเกิดความเสีย หายแล้วจะนํามาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การช่วยเหลือจากกองทุนอาจไม่สามารถช่วยเหลือได้เต็มมูลค่าความเสียหาย แต่จะช่วยเหลือได้เพียงบางส่วนเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเท่านั้น
ทั้งนี้สำหรับการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ทางรัฐบาลมีกำหนดผ่อนปรนระยะที่ 2 หรือ เฟส 2 ในวันที่ 17 พ.ค. นี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กำชับทุกหน่วยงานให้มีการดูแลมาตรการให้มีความเข็มแข็ง ไม่ประมาท ซึ่งหากมีการผ่อนปรนในเฟส 2 แล้ว ในพื้นที่ไหนมีปัญหาหรือมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ให้สั่งปิดพื้นที่ดังกล่าวทันทีเพื่อเป็นการควบคุมโรค ฉะนั้นทุกพื้นที่ต้องมีการดูแลสถานการณ์อย่างจริงจัง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำกับทุกหน่วยงาน
สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศในสถานการณ์โควิด-19 นั้น นายเทวัญ กล่าวว่า ทั้งประเทศมีวัดอยู่จำนวนกว่า 4 หมื่นวัด มีพระสงฆ์จำนวนกว่า 2.7 แสนรูป จากสถานการณ์โควิด-19 และมีมาตรการข้อบังคับต่างๆ ทำให้ประชาชนไม่เดินทางเข้าวัด พระภิกษุสงฆ์และวัดต่างๆ จึงขาดแคลนในเรื่องอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงค่าดำเนินการภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น เรื่องนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ทำหนังสือมายัง สำนักนายกรัฐมนตรี ในการขอความช่วยเหลือเยียวยาพระภิกษุสงฆ์วัดทั่วประเทศ ซึ่งตนจะนำเรื่องดังกล่าว เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป