จันทบุรี - ร้านขายอาหารในโต้รุ่งกลางเมืองจันทบุรี พร้อมใจปฏิบัติตามมาตรการคลายล็อกระยะ 2 ที่อนุญาตให้ร้านค้าเปิดขายอาหารได้แต่ต้องตั้งโต๊ะให้นั่งเพียงโต๊ะละ 2 คน รวมทั้งจัดฉากกั้นและเจลล้างมือบริการ เผยดีใจได้ขยายเวลาเคอร์ฟิวเป็น 5 ทุ่มถึงตี 4 เชื่อขายได้มากขึ้น
และจากการสำรวจพบว่า ในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็กในตลาดโต้รุ่งน้ำพุ จะเน้นจัดโต๊ะให้ลูกค้านั่งโต๊ะละ 1-2 คน รวมทั้งมีเจลล้างมือวางไว้บนโต๊ะ และจัดทำฉากกั้นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของละอองน้ำลาย แต่ยังคงเน้นให้ซื้อกลับบ้านเป็นหลัก คาดจะการค้าขายกลับมาดีดังเดิม
ค่ำวานนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการค้าขายในตลาดโต้รุ่ง ย่านวงเวียนตลาดน้ำพุ ซึ่งเปิดขายอาหารต่างๆ ให้แก่ประชาชนในช่วงเวลาเย็นถึงดึกพบว่า ผู้ประกอบการทุกรายต่างขานรับนโยบายคลายล็อกระยะ 2 ของรัฐบาล ที่อนุญาตให้จำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศกรีม ภายในอาคารสำนักงานได้ตามปกติ
แต่ต้องจัดตั้งโต๊ะให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานอาหารเพียงโต๊ะละ 2 คน รวมทั้งจัดให้มีฉากกั้น และมีเจลล้างมือวางไว้บนโต๊ะ
และจากการสำรวจ พบว่า ในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็กในตลาดโต้รุ่งน้ำพุ จะเน้นจัดโต๊ะให้ลูกค้านั่งโต๊ะละ 1-2 คน รวมทั้งมีเจลล้างมือวางไว้บนโต๊ะ และจัดทำฉากกั้นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของละอองน้ำลาย แต่ยังคงเน้นให้ซื้อกลับบ้านเป็นหลัก
นางมณี ขุขันถิ่น อายุ 52 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวโต้รุ่ง ตลาดน้ำพุ บอกว่า ตั้งแต่มีมาตราการป้องกันโรคโควิด-19 ทำให้ขายอาหารได้เพียงแค่ให้ลูกค้าซื้อกลับบ้าน ซึ่งลูกค้าทุกคนล้วนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่มารอซื้อก๋วยเตี๋ยว และหลังเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายให้ตั้งโต๊ะแบบมีระยะห่าง และกำหนดให้ลูกค้านั่งรับประทานโต๊ะละ 2 คน ก็เริ่มมีลูกค้าออกมานั่งรับประทานที่ร้านมากขึ้น
ขณะที่ทางร้านได้จัดเจลล้างมือไว้บริการ และยังหมั่นเช็ดโต๊ะทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบ่อยขึ้น ส่วนมาตรการเคอร์ฟิวที่มีการขยายเวลาจาก 22.00 น. เป็น 23.00 น.เป็นเรื่องดี เพราะผู้ค้าจะได้ไม่ต้องเร่งรีบในการเก็บร้าน และมีเวลาขายให้ลูกค้ามากขึ้น และยังจะช่วยให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นเพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบัน