ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ท่าอากาศยานเชียงใหม่ย้ำเข้มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารเดินทางผ่านสนามบิน หลังเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มาจากนอกพื้นที่
ตามที่วานนี้ (14 พ.ค. 63) จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจำนวน 1ราย เป็นชายที่เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ตโดยรถยนต์ส่วนตัวถึงจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 63 นั้น วันนี้ (15 พ.ค. 63) นายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ยังคงปฏิบัติตามแนวทางเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากนอกจังหวัดเชียงใหม่ตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่อย่างเคร่งครัด
ผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ทุกคนจะต้องกรอกเอกสารการเดินทางเข้าพื้นที่ (ชม.1) ให้ครบถ้วน และส่งเอกสารคืนให้เจ้าหน้าที่ทหาร จากนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จะแนะนำการปฏิบัติตัว และกักตัว ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากกลุ่มจังหวัดที่พบผู้ป่วยภายใน 28 วันจะต้องกักตัวในที่พัก (Home Quarantine) 14 วัน ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยเลย หรือไม่พบผู้ป่วยเกิน 28 แล้ว สามารถดำเนินชีวิตปกติ ตามแนวทางป้องกันโรค (Self-Monitoring) และกรณีผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศหรือเป็นชาวต่างชาติ ตามมาตรการของจังหวัด จะต้องกักตัวทุกรายในสถานที่พักของตนเอง หรือโรงแรมที่กำหนด
สำหรับผู้โดยสารขาออก จะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร และผ่านกระบวนการตรวจตามมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีการสัมผัส เช่น ถาดวางสัมภาระ รางเลื่อน X ray มีการนำเครื่องตรวจจับร่องรอยสารระเบิดแบบตั้งโต๊ะ (Explosive Trace Detector : ETD) มาใช้ในการสุ่มตรวจสัมภาระของผู้โดยสารแทนการเปิดกระเป๋า ลดการสัมผัสสิ่งของต่างๆ ของผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ และหลังจากเช็กอินได้รับบัตรโดยสารแล้ว ผู้โดยสารต้องกรอกข้อมูลการเดินทางผ่าน AOT Airports App เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าห้องผู้โดยสารขาออก ทั้งนี้ ในทุกขั้นตอนการรับบริการผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และปฏิบัติตามนโยบาย Social Distancing อย่างเคร่งครัด