พระนครศรีรอยุธยา - ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำคุกตลอดชีวิต นายอ๊อฟ คดี น้องหญิงโดดรถเทรลเลอร์ตายปริศนา พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
วันนี้ (15 พ.ค.) ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดี อ.ดำ3523/61 แดง 643/62 ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ นายสุรพล หรืออ๊อฟ กับพวกรวม 2 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานกน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังถึงแก่ความตาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายและฆ่าผู้อื่น
จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช อายุ 19 ปี เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาหลังกลับจากเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน โดยมีนายสุรพล ดาราคำ เป็นผู้ขับรถเทรลเลอร์พาไปส่งบ้าน พร้อมระบุว่าระหว่างทางน.ส.นรีกานต์ กระโดดลงจากรถจนเสียชีวิต แต่ญาติไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ สงสัยเป็นการฆาตกรรม จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรม
โดยวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุรพล หรืออ๊อฟ ดาราคำ และ น.ส.สิรินาถ หรือเป็ด รอบรัมย์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.3523/2561 ในความผิดต่อชีวิต และความผิดต่อเสรีภาพ
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 โดยศาลพิจารณาบาดแผลที่ศีรษะและตามร่างกายของผู้ตายตามความเห็นของพยานผู้เชี่ยวชาญ และแพทย์ อาทิ แผลฟกช้ำที่หนังศีรษะ รอยแตกที่กะโหลกศีรษะเป็นลักษณะคล้ายใยแมงมุม และอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ทางนิติเวชสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากศีรษะตกกระทบกับของแข็ง ไม่ใช่บาดแผลจากการถูกกระแทกด้วยวัตถุทรงกลม เช่น ค้อน ผู้ตายอาจตกรถแขนซ้ายกระแทกบันไดรถด้านซ้าย ร่างหมุนศีรษะด้านขวากระแทกพื้นถนนก็ได้ พยานโจทก์มีข้อสงสัย
สำหรับความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และความผิดฐานสนับสนุนให้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุก 18 ล้อ จากลานจอดไปปั๊มน้ำมัน มีผู้ตายไปด้วยกันเพียง 2 คน จำเลยที่ 1 ลงจากรถปล่อยให้ผู้ตายนั่งรอ ผู้ตายย่อมลงจากรถได้ หรือขอความช่วยเหลือจากพนักงานปั๊ม แต่ผู้ตายไม่ลงจากรถหรือขอความช่วยเหลือ เชื่อว่าผู้ตายยินยอมขึ้นรถไปกับจำเลยที่ 1
นอกจากนี้ ระหว่างทางผู้ตายสามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนได้ พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐาน หน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้ตายปราศจากเสรีภาพ จึงไม่อาจมีผู้สนับสนุนได้ ศาลชั้นต้น มีคำ พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยที่ 1 ไว้ระหว่างอุทธรณ์
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ 15 พฤษภาคม 2563 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดีระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์ นายสุรพล ดาราคำ หรือ อ๊อฟ ที่ 1 นางสาวสิรินาถ หรือเป็ด รอบรัมย์ ที่ 2 เป็นจำเลย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้ของแข็งไม่ทราบชนิดและขนาดตี ศีรษะ ของผู้ตายอันเป็นอวัยวะสำคัญเป็นเหตุให้กะโหลกศีรษะแตกสมองช้ำเลือดบวม ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ขอต่อสู้นำสืบคดีของจำเลยที่ 1 มีข้อพิรุธสงสัยไม่น่าเชื่อถือและไม่สามารถรับฟังเพื่อหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
แต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายจึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
แฟ้มภาพ