ปราจีนบุรี - สาวปราจีนฯ สู้ชีวิต ไม่หวั่นพิษโควิด-19 ทำตกงาน หันหน้ากลับบ้านใช้ความรู้ที่มีตั้งแต่วัยเยาว์ สานลำแพน จากไผ่ป่าสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ ๙
จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องพากันตกงานจากการปิดกิจการของผู้ประกอบธุรกิจหลากหลายแขนง โดยเฉพาะภาคธุรกิจบริการ เพื่อลดความเสี่ยงการกระจายเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มคนหมู่มากตามนโยบายของรัฐบาล และหน่วยงานสาธารณสุข
ทำให้ในวันนี้หลายจังหวัดทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ต้องกำหนดมาตรการในการเฝ้าระวังการกระจายของเชื้ออย่างเข้มข้น แต่ยังต้องหามาตรการในการเยียวยาประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดรายได้เพราะไม่มีงานทำ รวมทั้งประชาชนบางกลุ่มที่ต้องเดินทางกลับบ้านหลังต้องออกไปทำงานในต่างถิ่นและต่างแดน
ภาพที่สะท้อนให้เห็นในการดูแลกันและกันของคนไทยในพื้นที่ต่างๆ นอกจากจะออกมาในรูปแบบของการแจกเงิน สิ่งของและอาหารบรรเทาทุกข์ทั้งจากหน่วยงานรัฐ เอกชน และผู้ใจบุญ ที่ในแต่ละครั้งจะมีผู้คนจำนวนมากออกไปเข้าคิวรอรับ
เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของโครงการตู้ปันสุข ตู้แบ่งปัน หรือแม้แต่ตู้ปันน้ำใจ ในวันนี้ก็สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่ายังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ยังต้องการความช่วยเหลือและพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือต่างๆ เหล่านี้
วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยัง จ.ปราจีนบุรี เพื่อพบกับอีกหนึ่งหญิงสาวที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19 แต่ไม่คิดที่จะย่อท้อ หรือแม้แต่ความคิดที่จะฆ่าตัวตาย หลังต้องตกงาน ขาดรายได้ เหมือนหลายๆ ข่าวที่ได้เห็น แต่เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเลี้ยงชีพตามความสามารถที่มี โดยไม่คิดที่จะรอแบมือขอรับความช่วยเหลือที่อาจยังมาไม่ถึง
"วิชิตา ฆานะสิทธิ์" สาว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี วัย 42 ปี คือบุคคลที่เราเอ่ยถึง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นพนักงานชั่วคราวของโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนต้องประกาศให้พนักงานหยุดทำงานเป็นการชั่วคราว และเมื่อไม่มีงาน ไม่มีรายได้ เธอจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กลับเข้าทำงานต่อ หรือสุดท้ายอาจต้องหยุดยาว เหมือนพนักงานของหลายๆโรงงานที่สุดท้ายก็ต้องประกาศปิดกิจการในที่สุด
วันนี้ "วิชิตา ฆานะสิทธิ์" ได้เลือกที่จะสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ตัวเองด้วยการนำความรู้ที่เคยฝึกฝนเกี่ยวกับการสานลำแพน ที่เคยทำช่วยครอบครัวเมื่อครั้งอายุได้ประมาณ 9-10 ปี มาสร้างอาชีพสานลำแพนขายให้แก่ร้านรับซื้อเครื่องจักสานในชุมชน สร้างเงิน สร้างรายได้ในช่วงตกงาน
“สมัยยังเด็กแม่เคยสอนให้หัดสานลำแพน ซึ่งครอบครัวได้สานไว้ใช้เองบ้าง นำออกขายบ้าง ซึ่งทำแบบนี้มาโดยตลอดกระทั่งโตเป็นสาว แต่เมื่อมีครอบครัวก็ต้องหยุดทำ ประกอบกับสามีเสียชีวิต ต้องเป็นผู้นำในการหาเงินเลี้ยงลูก จึงเข้าไปทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในตำแหน่งพนักงานชั่วคราว และเมื่อเจอพิษโควิด-19 ทางโรงงานได้มีคำสั่งให้พักงานชั่วคราวหยุดงานตามเงื่อนไข ทำให้ไม่มีรายได้จึงหันมานั่งสานลำแพนส่งขายเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวแทน”
วิชิตา ยังบอกอีกว่า การสานลำแพน ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเพราะวัตถุดิบสำคัญคือไม้ไผ่ป่าที่ปลูกอยู่แล้วภายในพื้นที่บ้าน รวมทั้งความอดทน และความตั้งใจจริงที่จะต้องมีในตัวเอง
โดยเริ่มจากตัดไม้ไผ่และนำไปเลื่อยเป็นท่อนยาวประมาณ 40 เซนติเมตร จากนั้นต้องนำมาผ่าซีกขนาด 2 เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร และเหลาผิวนอกออก จากนั้นจะผ่าให้บางเป็นแผ่นก่อนจะนำไปตากแดด และเมื่อแห้งได้ที่ก็จะนำมาสานเป็นลำแพน
เริ่มจากนำตอกสารลำแพน มาวางเรียงกับพื้นประมาณ 10-15 เส้น ก่อนจะสานสลับเส้นขึ้นลงให้เป็นแผ่นเดียวกันยาว 30-40 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่า "ทำมุมหรือหักมุม" ทำให้ครบ 4 ด้าน และจะทำการสานไปเรื่อยๆ จนได้ความยาวประมาณ 3 เมตร คูณ 4 เมตร จะถือว่าได้ลำแพน 1 ผืน
ลำแพน สำหรับคนทั่วไปจะใช้ในการทำฝากระท่อมนา หรือทำฝาร้านอาหารริมทาง ลำแพน 1 ผืน จะมีความยาวประมาณ 3 เมตร คูณ 4 เมตร ใช้เวลาในการนั่งสานต่อผืน ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
วิชิตา บอกว่า ตนเองจะสานลำแพนได้ประมาณ 2 ผืนต่อวัน ซึ่งสินค้าที่ผลิตได้จะนำส่งขายให้านรับซื้อเครื่องจักสานในพื้นที่ รวมทั้งร้านขายไม้กวาด ในราคาผืนละ 60 บาท และในแต่ละเดือนจะสามารถสานลำแพน ได้ประมาณ 8-10 ผืน ทำให้มีรายได้เฉลี่ยเดือน 500-600 บาท ถือว่าพอเพียงสำหรับการใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ตามรูปแบบวิถีพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙