ศูนย์ข่าวศรีราชา - เอาให้เข็ด! ต่างชาติสุดดื้อ. แหกคำสั่งเมืองพัทยา ห้ามลงเล่นน้ำ ใช้พื้นที่ชายหาด ตั้งแต่ 9-31 พ.ค.63 ป้องกันโควิด-19 ระบาดซ้ำ ประเดิมวันแรก 3 รายลงเล่นน้ำ ไม่สน พ.ร.ก.ฉุกเฉินของไทย เจอแน่คุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท
จากกรณีที่ จ.ชลบุรี ได้มีมาตรการผ่อนปรนการใช้พื้นที่บริเวณชายหาดเพื่อการออกกำลังกายให้ะชาชนตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ เมืองพัทยา ที่ได้กำหนดมาตรการดังกล่าวเช่นกันโดยได้มีการจัดทำป้ายประกาศคำสั่งเมืองพัทยา ติดตามชายหาดและพื้นที่สาธารณะทั้ง 9 จุด ประกอบด้วย หาดพัทยา จอมเทียน หาดพระตำหนัก หาดโคซี่ หาดวงศ์อมาตย์ หาดกระทิงราย สวนสาธารณะลานโพธิ์นาเกลือ และลานท่าเรือบาลีฮาย
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนรับทราบว่าสามารถทำกิจกรรมออกกำลังกายได้เฉพาะบริเวณทางเท้าตลอดแนวชายหาด แต่จะไม่อนุญาตให้ช้พื้นที่ชายหาดและที่สาธารณะทั้ง 9 จุด ทั้งการเล่นกีฬากลางแจ้ง และนำอาหารเข้าไปรับประทานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อวานนี้ คณะผู้บริหารเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่กองช่าง และเจ้าหน้าที่จากส่วนวิศวกรรมจราจรและขนส่งเมืองพัทยา ยังได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการนำรั้วเหล็กและเทปกันแนวมาทำการปิดกั้นเขตห้ามใช้พื้นที่ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 -31 พ.ค.นี้ ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ทั้งจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับนั้น
วันนี้ (9 พ.ค.) เจ้าหน้าที่สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ (ประเทศไทย) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา ได้เข้าควบคุมตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 3 ราย ที่ฝ่าฝืนคำสั่งเมืองพัทยา และประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยกันพากันลงเล่นน้ำทะเล ด้านหลังโรงแรมเอเซีย เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
นายอธิวัฒน์ ยุงกลาง และนายชูชีพ ลากสุล เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา เผยว่าขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราพื้นที่บริเวณชายหาดที่ได้รับมอบหมาย ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติลงไปเล่นน้ำทะเล จึงได้เข้าทำการว่ากล่าวตักเตือนให้ขึ้นจากน้ำ แต่ชาวต่างชาติทั้งหมดกลับดื้อดึงและยังคงแสดงพฤติกรรมฝ่าฝืนคำสั่ง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เข้าทำการควบคุมตัว
เ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้ง 3 ราย ซึ่งเป็นชาวยูเครน 1 ราย และชาวรัสเซีย 2 ราย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามอัตราโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคและบทลงโทษ และประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน