นครสวรรค์ – ชาวชุมชนเมืองปากน้ำโพ โพสต์กระฉ่อนโซเชียลฯ..ชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.พาคนบุกค้นบ้านไม่มีหมาย-พูดจาหยาบคาย-ตบหัวหญิงสูงวัยซ้ำ พอโดนถ่ายคลิปรีบขึ้นกระบะออกไปทันที
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เมธาสิทธิ์ ผิวผ่อง” ได้โพสต์คลิปและข้อความลงในกลุ่มสาธารณะแจ้งข่าวสถานการณ์น้ำ 24 ชั่วโมงนครสวรรค์ เป็นเหตุการณ์ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์วัยกลางคนบุกค้นบ้านพักเมื่อช่วงเย็นวานนี้(4 พ.ค.) พร้อมระบุทำนองว่า ถูกกลุ่มชายอ้างตัวว่าเป็นตำรวจประมาณ 7-8 คน บุกค้นบ้านพักโดยไม่มีหมายตรวจค้น อีกทั้งยังมีการพูดขู่เสียงดังใช้อำนาจบาตรใหญ่ แถมยังพูดให้ของลับกับเจ้าของบ้าน แสดงความป่าเถื่อนด้วยการตบหัวคนแก่ด้วย
ผู้โพสต์ได้ระบุยืนยันว่า ที่บ้านไม่มีสิ่งของผิดกฎหมาย และไม่เคยผิดอะไร แต่ทำไมถูกบุกค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น แถมกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจดังกล่าวยังทำตัวเป็นพิรุธ เมื่อถูกถ่ายบันทึกเป็นคลิปวีดิโอเอาไว้ กลับรีบพากันออกจากบ้านหนีไปขึ้นรถกระบะขับออกไปทันที
ซึ่งในคลิปของผู้โพสต์จะเห็นว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ได้มีการควบคุมหญิงสูงวัยใส่เสื้อสีเหลืองรายหนึ่งเดินออกมาจากบ้านพาไปขึ้นรถกระบะ โดยมีเสียงของผู้ที่บันทึกคลิปและกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างต่อว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ชายคนหนึ่ง ที่ใส่หน้ากากปิดหน้า ว่าเป็นคนที่ใช้มือตบหัวหญิงสูงวัยจนล้มต่อหน้าชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์อีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ที่เกิดเหตุ เป็นชุมชนอยู่ภายในซอยโกสีย์ 31 ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ พบนายบุญชู ใจตรง อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย ได้นำผู้สื่อข่าวเข้าไปดูภายในบ้านที่เกิดเหตุ เลขที่ ท.52/27 เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ ซึ่งที่หน้าบ้านมีการเปิดเป็นร้านโชวห่วยขายของชำ
เจ้าของบ้านได้ระบุว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรณ์ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ 7-8 คน พาหญิงสูงวัย เดินเข้ามาตรวจค้นภายในบ้านพักที่บริเวณหลังบ้าน โดยไม่แสดงตัวและไม่มีหมายตรวจค้น จนทำให้เจ้าของบ้านเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากที่บ้านมีคนในครอบครัวพักอาศัยอยู่รวมกัน 6 คน ไม่เคยมีใครทำเรื่องผิดกฏหมาย ทั้งยังได้พาหญิงสูงวัย คือ นางนิตยา พรมแดน อายุ 50 ปี ที่ไม่ได้พักอยู่บ้านหลังนี้ มาทำทีชี้จุดตรวจค้นด้วย ซึ่งก็ยังงงอยู่ว่า พานางนิตยาเข้ามาตรวจค้นในบ้านของตนทำไม เพราะนางนิตยาพักอยู่บ้านอีกหลังที่บริเวณท้ายซอยและไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับตนและคนที่พักอาศัยอยู่ในบ้านเลย
และเมื่อสอบถามว่าเหตุใดถึงมาค้นที่บ้าน ก็โดนด่าทอด้วยคำหยาบคาย พร้อมกับให้ของลับ แถมยังถูกหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ถือวิสาสะเข้าไปตรวจค้นภายในห้องนอนของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย จึงทำให้ตนเกิดความไม่พอใจมาก รีบบอกให้ลูกชายนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายบันทึกคลิปภาพไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนที่มีการระบุว่า หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ใช้มือตบไปที่หัวของนางนิตยาจนล้มลงกับพื้นนั้น เป็นความจริง โดยทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เห็นฉากชายวัยกลางคนตบหัวนางนิตยาอย่างรุนแรงจนล้ม ตนจึงอยากถามว่า เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ แม้เขาจะทำความผิดอะไรมาจนถูกจับ แต่ก็ไม่น่าจะกระทำอะไรที่ป่าเถื่อนรุนแรงแบบนี้
ต่อมา นายบุญชู ได้พาผู้สื่อข่าวเดินเท้าไปตรวจดูบ้านพักของนางนิตยา ซึ่งล่าสุดตกเป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดและอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พบว่าบ้านของนางนิตยามีสภาพเก่าทรุดโทรม และเจ้าตัวพักอาศัยอยู่คนเดียว มีฐานะยากจน โดยจากการตรวจสอบประวัติ พบว่า นางนิตยามีอาชีพรับจ้างทั่วไป รวมถึงเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งนายบุญชูยอมรับว่า รู้จักและเคยพูดคุยกับนางนิตยาอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ถึงกับขั้นสนิทสนมกัน