ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผบก.ภ.จ.ชลบุรี สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงต่างชาติโวยเดินเล่นชายหาดเมืองพัทยา ถูกจับดำเนินคดีพร้อมยึดพาสปอร์ต แม้ยอมจ่ายค่าปรับ 50,000 บาท แต่ยังไม่ได้คืน หวั่นกระทบการต่อวีซ่าที่ใกล้หมดอายุ
จากที่ชาวต่างชาติซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมขณะเดินเล่นบริเวณชายหาดพัทยา เนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งปิดพื้นที่บริเวณชายหาดเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และได้ยินยอมที่จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมจ่ายเงินค่าปรับ จำนวน 50,000 บาท เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ยึดพาสปอร์ต จนเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องการต่อวีซ่าที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 15 พ.ค.นี้นั้น
วันนี้ ( 4 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.พิมพ์ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ที่ได้อยู่กินกับสามีชาวฝรั่งเศส วัย 80 ปี ซึ่งจะมีกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติผู้สูงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีทั้งชาวฝรั่งเศส รวม 5 คน และชาวเบลเยียม 1 คน ว่าทั้งหมดได้อาศัยอยู่ในเมืองพัทยามานานหลายปี และมักจะนัดหมายกันออกไปทำกิจกรรมผ่อนคลายและออกกำลังกายริมชายหาดพัทยาอยู่เป็นประจำ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในความผิดฝ่าฝืนมาตรการปิดชายหาดพัทยา เพื่อป้องกันโรคระบาดโควิด-19
"วันนั้นร้อยเวร หรือพนักงานสอบสวน ได้ตรวจยึดหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของสามีไปก่อนจะมีการแจ้งเรื่องความผิด ซึ่งสามีได้ยินยอมถูกดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายเพื่อไม่ให้มีปัญหาในการต่อวีซ่าที่จะหมดอายุในวันที่ 15 พ.ค. นี้ ซึ่งในส่วนตัวแล้วไม่มีความคิดที่จะหลบหนีเพราะสามีอยู่เมืองไทยมานาน และเป็นผู้สูงอายุ แม้จะขอถ่ายสำเนากลับก็ไม่ได้จึงเกิดความสงสัย เพราะในส่วนของกระบวนการ นายประกันก็แนะนำให้วางเงินสด จำนวน 50,000 บาท เพื่อให้เป็นเงินหลักทรัพย์ในการใช้ประกันตัวเพื่อดำเนินการต่อในชั้นศาล แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบและยังไม่มีการติดต่อกลับมา"
น.ส.พิมพ์ ยังบอกอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สามีชาวต่างชาติวิตกกังวลจนเกิดความเครียดเพราะหนังสือเดินทางถือเป็นเอกสารสำคัญ และกลัวว่าจะไม่มีหนังสือเดินทางไปต่อวีซ่าที่ใกล้จะหมดอายุการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย
จากการสอบถามไปยัง พ.ต.ท.สุเมธ หาญวิสัย หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ทราบว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุเมธ หาญวิสัย เป็นหัวหน้าในการสอบสวนโดยละเอียดจากทั้งฝ่ายผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งนายประกันที่มีการกล่าวอ้างถึง
"วันนี้ได้มีการเรียกชาวต่างขาติทั้งหมดที่ถูกจับกุมมาให้รายละเอียด รวมทั้งภรรยาชาว ไทยที่ให้ข่าวและร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด รวมทั้งสอบสวนนายประกันที่ทำเรื่องให้ชาวต่างชาติ ซึ่งขอเวลา 2 วัน จึงจะสรุปข้อเท็จจริง เพื่อเปิดเผยให้สังคมรับรู้และหากพบว่าใครผิดไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน" พ.ต.ท.สุเมธ กล่าว