บุรีรัมย์ - เมียผู้ใหญ่บ้านบุรีรัมย์ยันสามีไม่ได้รีดเงินค่าติดสติกเกอร์รับรองปลอดเชื้อโควิด-19 ตามที่ถูกกล่าวหา แต่มีชาวบ้านให้เงินเด็กที่มาช่วยลงทะเบียนมือถือเป็นค่าขนมจริง และคลิปที่ปรากฏไม่ได้มีตอนจ่ายหรือรับเงิน วอนขอความเป็นธรรม ขณะชาวบ้านเสียงแตกมีทั้งจ่ายและไม่จ่าย
วันนี้ (27 เม.ย.) จากกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนและโพสต์คลิปแฉในโซเชียลมีเดีย ว่ามีผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เรียกเก็บเงินค่าดำเนินการติดสติกเกอร์ Buriram Healthy บนบัตรประจำตัวประชาชนจากชาวบ้านรายละ 20 บาท ซึ่งเป็นการติดสติกเกอร์บนบัตรประชาชนเพื่อรับรองการปลอดเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติปราบโควิด-19 จังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้นำหลักฐานเข้าทำการจับกุมผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวเพื่อมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกระบวนการ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียนกล่าวหา แต่ไม่พบผู้ใหญ่บ้าน พบเพียงภรรยาและเพื่อนบ้านนั่งเล่นอยู่เท่านั้น จากการสอบถามภรรยาบอกว่าผู้ใหญ่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่จุดตรวจโควิด-19 ในหมู่บ้าน แต่พอไปหาที่จุดตรวจก็ไม่พบผู้ใหญ่ ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามกับนางยุรี ภรรยาของผู้ใหญ่เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งภรรยาผู้ใหญ่ยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินค่าติดสติกเกอร์จากชาวบ้านตามที่ถูกกล่าวหา
พร้อมชี้แจงว่า วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นสามีได้รับสติกเกอร์มาจากทางอำเภอ จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านนำบัตรประชาชนมาติดสติกเกอร์ที่บ้าน แต่การติดสติกเกอร์นั้นชาวบ้านจะต้องลงทะเบียน Buriram Healthy ผ่านระบบออนไลน์เพื่อยืนยันตัวตนก่อน จึงได้ให้เด็กนักเรียนในหมู่บ้านมาช่วยทำให้คนเฒ่าคนแก่ บางคนพอทำได้แล้วเห็นว่าเด็กซึ่งเป็นลูกเป็นหลานคนในหมู่บ้านมาช่วยก็แสดงน้ำใจด้วยการให้ค่าขนมคนละ 20 บาท 50 บาท หรือ 100 บาทบ้าง แต่ไม่ได้มีใครเรียกเก็บหรือเรียกร้องเอาเลย
ส่วนภาพที่ปรากฏในคลิปที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย เป็นภาพที่ลูกบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ามีการเรียกเก็บเงิน จึงให้ลูกชายเดินเอาเงินมาให้ 60 บาท แล้วจู่ๆ ก็มาโวยวายว่าทำไมต้องเรียกเก็บเงิน ทั้งที่ไม่ได้มีใครเรียกเก็บ ตนจึงคืนเงินให้ไปคิดว่าเรื่องจบ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่กลับมีการนำคลิปไปเผยแพร่ แล้วจู่ๆ มีเจ้าหน้าที่มานำตัวสามีไปสอบสวน ก็อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้สามีด้วย เพราะวันที่ติดสติกเกอร์นั้นสามีตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และในคลิปไม่ได้มีภาพการจ่ายเงินหรือรับเงินอะไรเลย
ขณะที่นางจ้อน ชาวบ้านซึ่งปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าวด้วย บอกว่า วันนั้นตนนำบัตรประชาชนมาติดสติกเกอร์เหมือนกัน ไม่เห็นมีใครเรียกเก็บเงินเลย แต่พอติดสติกเกอร์เสร็จก็ขับรถออกไปซื้อของที่ตลาดกลับมาก็ซื้อขนมมาฝากเด็กๆ ที่มาช่วยลงทะเบียนเพื่อติดสติกเกอร์ดังกล่าวเท่านั้น ส่วนภรรยาผู้ใหญ่บ้านยืนย้อมผมให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอยู่ แล้วจู่ๆ มีชาวบ้านคนหนึ่งมาโวยวายว่าทำไมต้องเรียกเก็บเงิน ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกเก็บ น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า คิดว่าบางคนอาจให้ค่าขนมเด็กที่มาช่วยเท่านั้น
ด้านนางสมศรี ชาวบ้านอีกคนซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป บอกทั้งน้ำตาว่า วันที่ 25 เม.ย.ตนมีเงินอยู่ 200 บาทตั้งใจจะนำไปซื้อข้าวสารมาหุงไว้ให้คนในครอบครัวทั้ง 6 ชีวิตได้กิน เพราะตอนนี้ไม่ค่อยมีใครจ้างงาน แต่พอได้ยินผู้ใหญ่ประกาศว่าสติกเกอร์มาแล้วให้นำบัตรประชาชนไปติดเพื่อแสดงการปลอดเชื้อโควิด ด้วยความที่กังวลว่าหากไม่นำบัตรประชาชนไปติดสติกเกอร์จะไม่สามารถไปไหนมาไหนหรือซื้อของที่ตลาดได้ จึงรีบนำบัตรประชาชนไปติดที่บ้านผู้ใหญ่ แต่พอไปติดก็เห็นเขาบอกว่าต้องจ่ายค่าสติกเกอร์ด้วยคนละ 20 บาท แต่ไม่ได้ทักท้วงอะไร ซึ่งบ้านตนมีทั้งหมด 5 คน จึงได้จ่ายไป 100 บาท เหลือเงินติดตัวเพียง 100 บาท จึงเก็บไว้ยังไม่ซื้อข้าวสารแล้วเดินกลับบ้าน กระทั่งช่วงสายผู้ใหญ่เดินเอาเงิน 100 บาทมาคืนให้ที่บ้าน แต่ไม่ได้ถามว่าเพราะอะไรถึงเอามาคืน แต่ดีใจที่ได้เงินคืนเพราะตอนนั้นมีเงินติดตัวแค่ 200 บาทก็รีบเอาไปซื้อข้าวสาร
ทั้งนี้ สำหรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวทาง Buriram Healthy Model ระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 ข้อที่ 2. บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไปที่พักอาศัยอยู่ในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ ณ ท้องที่ใดก็ตาม ต้องมีเครื่องหมายแสดงการปลอดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (สติกเกอร์) ติดอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (บุคคลต่างด้าว) หากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้ว ไม่พบเครื่องหมายปลอดเชื้อโควิด-19 (สติกเกอร์) บนบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (บุคคลต่างด้าว) ผู้นั้นจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวตามระยะเวลา 14 วัน ตามประกาศ
วันนี้ (27 เม.ย.) จากกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนและโพสต์คลิปแฉในโซเชียลมีเดีย ว่ามีผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เรียกเก็บเงินค่าดำเนินการติดสติกเกอร์ Buriram Healthy บนบัตรประจำตัวประชาชนจากชาวบ้านรายละ 20 บาท ซึ่งเป็นการติดสติกเกอร์บนบัตรประชาชนเพื่อรับรองการปลอดเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติปราบโควิด-19 จังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้นำหลักฐานเข้าทำการจับกุมผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวเพื่อมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกระบวนการ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียนกล่าวหา แต่ไม่พบผู้ใหญ่บ้าน พบเพียงภรรยาและเพื่อนบ้านนั่งเล่นอยู่เท่านั้น จากการสอบถามภรรยาบอกว่าผู้ใหญ่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่จุดตรวจโควิด-19 ในหมู่บ้าน แต่พอไปหาที่จุดตรวจก็ไม่พบผู้ใหญ่ ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามกับนางยุรี ภรรยาของผู้ใหญ่เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งภรรยาผู้ใหญ่ยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินค่าติดสติกเกอร์จากชาวบ้านตามที่ถูกกล่าวหา
พร้อมชี้แจงว่า วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นสามีได้รับสติกเกอร์มาจากทางอำเภอ จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านนำบัตรประชาชนมาติดสติกเกอร์ที่บ้าน แต่การติดสติกเกอร์นั้นชาวบ้านจะต้องลงทะเบียน Buriram Healthy ผ่านระบบออนไลน์เพื่อยืนยันตัวตนก่อน จึงได้ให้เด็กนักเรียนในหมู่บ้านมาช่วยทำให้คนเฒ่าคนแก่ บางคนพอทำได้แล้วเห็นว่าเด็กซึ่งเป็นลูกเป็นหลานคนในหมู่บ้านมาช่วยก็แสดงน้ำใจด้วยการให้ค่าขนมคนละ 20 บาท 50 บาท หรือ 100 บาทบ้าง แต่ไม่ได้มีใครเรียกเก็บหรือเรียกร้องเอาเลย
ส่วนภาพที่ปรากฏในคลิปที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย เป็นภาพที่ลูกบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ามีการเรียกเก็บเงิน จึงให้ลูกชายเดินเอาเงินมาให้ 60 บาท แล้วจู่ๆ ก็มาโวยวายว่าทำไมต้องเรียกเก็บเงิน ทั้งที่ไม่ได้มีใครเรียกเก็บ ตนจึงคืนเงินให้ไปคิดว่าเรื่องจบ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่กลับมีการนำคลิปไปเผยแพร่ แล้วจู่ๆ มีเจ้าหน้าที่มานำตัวสามีไปสอบสวน ก็อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้สามีด้วย เพราะวันที่ติดสติกเกอร์นั้นสามีตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และในคลิปไม่ได้มีภาพการจ่ายเงินหรือรับเงินอะไรเลย
ขณะที่นางจ้อน ชาวบ้านซึ่งปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าวด้วย บอกว่า วันนั้นตนนำบัตรประชาชนมาติดสติกเกอร์เหมือนกัน ไม่เห็นมีใครเรียกเก็บเงินเลย แต่พอติดสติกเกอร์เสร็จก็ขับรถออกไปซื้อของที่ตลาดกลับมาก็ซื้อขนมมาฝากเด็กๆ ที่มาช่วยลงทะเบียนเพื่อติดสติกเกอร์ดังกล่าวเท่านั้น ส่วนภรรยาผู้ใหญ่บ้านยืนย้อมผมให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอยู่ แล้วจู่ๆ มีชาวบ้านคนหนึ่งมาโวยวายว่าทำไมต้องเรียกเก็บเงิน ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกเก็บ น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า คิดว่าบางคนอาจให้ค่าขนมเด็กที่มาช่วยเท่านั้น
ด้านนางสมศรี ชาวบ้านอีกคนซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป บอกทั้งน้ำตาว่า วันที่ 25 เม.ย.ตนมีเงินอยู่ 200 บาทตั้งใจจะนำไปซื้อข้าวสารมาหุงไว้ให้คนในครอบครัวทั้ง 6 ชีวิตได้กิน เพราะตอนนี้ไม่ค่อยมีใครจ้างงาน แต่พอได้ยินผู้ใหญ่ประกาศว่าสติกเกอร์มาแล้วให้นำบัตรประชาชนไปติดเพื่อแสดงการปลอดเชื้อโควิด ด้วยความที่กังวลว่าหากไม่นำบัตรประชาชนไปติดสติกเกอร์จะไม่สามารถไปไหนมาไหนหรือซื้อของที่ตลาดได้ จึงรีบนำบัตรประชาชนไปติดที่บ้านผู้ใหญ่ แต่พอไปติดก็เห็นเขาบอกว่าต้องจ่ายค่าสติกเกอร์ด้วยคนละ 20 บาท แต่ไม่ได้ทักท้วงอะไร ซึ่งบ้านตนมีทั้งหมด 5 คน จึงได้จ่ายไป 100 บาท เหลือเงินติดตัวเพียง 100 บาท จึงเก็บไว้ยังไม่ซื้อข้าวสารแล้วเดินกลับบ้าน กระทั่งช่วงสายผู้ใหญ่เดินเอาเงิน 100 บาทมาคืนให้ที่บ้าน แต่ไม่ได้ถามว่าเพราะอะไรถึงเอามาคืน แต่ดีใจที่ได้เงินคืนเพราะตอนนั้นมีเงินติดตัวแค่ 200 บาทก็รีบเอาไปซื้อข้าวสาร
ทั้งนี้ สำหรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวทาง Buriram Healthy Model ระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 ข้อที่ 2. บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไปที่พักอาศัยอยู่ในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ ณ ท้องที่ใดก็ตาม ต้องมีเครื่องหมายแสดงการปลอดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (สติกเกอร์) ติดอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (บุคคลต่างด้าว) หากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้ว ไม่พบเครื่องหมายปลอดเชื้อโควิด-19 (สติกเกอร์) บนบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (บุคคลต่างด้าว) ผู้นั้นจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวตามระยะเวลา 14 วัน ตามประกาศ
