บุรีรัมย์ - พี่สาว-พี่เขยหนุ่มไลฟ์สดผูกคอตายเชื่อสาเหตุน้องคิดสั้นถูกคนใกล้ชิดกดดันและแชตข่มขู่ จี้มากราบขอขมาศพน้องและครอบครัว ขณะญาตินำศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.ประโคนชัย เตรียมฌาปนกิจพรุ่งนี้ที่วัดในหมู่บ้าน
วันนี้ (26 เม.ย.) จากกรณีที่ นายเอกพงษ์ หรือเอก อายุ 32 ปี ชาวบ้านบ้านสี่เหลี่ยม ต.สี่เหลี่ยม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทำงานเป็นคนขับรถส่งเบียร์บริษัทแห่งหนึ่งที่ จ.ปทุมธานี ได้ไลฟ์สดขณะใช้เชือกผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งที่ ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ (24 เม.ย.) ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ญาติได้นำศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.ประโคนชัย แล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว ซึ่งตอนแรกญาติสันนิษฐานว่าอาจเกิดความเครียดเพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือพิษโควิด-19 ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเพราะเพิ่งพาภรรยาและลูกกลับมาส่งไว้ที่บ้าน
แต่จากการสอบถาม น.ส.อนงค์นาถ หรือแขก อายุ 37 ปี พี่สาวของผู้ตาย ซึ่งทำงานอยู่ร้านอาหารที่ จ.ปุทุมธานีเหมือนกัน แต่พักอยู่ห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร กลับไม่เชื่อว่าน้องชายจะคิดสั้นเพราะเรื่องเงินไม่พอใช้ เพราะจากที่แชตคุยกันทางไลน์กับน้องชาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาน้องก็ไม่ได้บอกว่ามีปัญหาเรื่องเงินเลย แต่กลับระบายเรื่องญาติที่เป็นคนพาน้องชายไปทำงานที่บริษัทเบียร์ดังกล่าวด้วย ต่อว่ากดดันเรื่องที่น้องทำงานให้ไม่ถูกใจจนถึงแชตมาข่มขู่จนทำให้น้องเกิดความเครียดมากกว่า ซึ่งตนพยายามให้กำลังใจและปลอบใจ
ทั้งยังบอกกับน้องว่าถ้าทำแล้วไม่สบายใจจะพามาทำงานกับสามีของตนซึ่งทำงานอยู่บริษัทส่งของ และวันที่น้องไลฟ์สดระบายความในใจและบอกว่าจะผูกคอตายนั้นตนกับสามีก็ช่วยกันพูดปลอบใจน้องตลอด และกำลังให้สามีขับรถออกไปรับที่พักของน้อง แต่ไม่ทันไปถึงน้องเสียชีวิตแล้ว อยากจะฝากถึงคนที่พูดกดดันและแชตมาข่มขู่น้องว่ามีปัญหาอะไรถึงต้องกดดันน้องขนาดนั้นจนทำให้น้องถึงขั้นต้องคิดสั้น บางครั้งแม้ไม่ได้ใช้กำลังทำร้ายแต่คำพูดบางคำพูดก็ทำร้ายจิตใจจนอาจทำให้ใครบางคนถึงขั้นต้องจบชีวิตตัวเอง อยากให้เขามาขอโทษครอบครัวด้วย
ขณะที่ นายมาโนช พี่เขย ได้เล่านาทีที่พยายามขับรถไปช่วยน้องเมียว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงใกล้จะถึงเวลาเคอร์ฟิว ซึ่งต้องผ่านตรวจโควิด-19 และด่านเคอร์ฟิวหลายจุด แต่ได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟังถึงความจำเป็นและเหตุฉุกเฉินว่ากำลังจะไปช่วยน้องที่จะผูกคอตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ผ่านและอำนวยความสะดวกให้ แต่ไปช่วยน้องไม่ทันแล้ว พอไปถึงที่เกิดเหตุน้องก็สิ้นใจแล้ว แม้พยายามช่วยกันปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้
รู้สึกเสียใจเพราะที่ผ่านมาน้องมีปัญหาอะไรจะปรึกษาและตนจะช่วยเหลือตลอด แต่ครั้งนี้น้องคงถูกกดดันหนักจนทำให้รับไม่ไหวและไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เพราะคนที่กดดันเป็นญาติพี่น้องที่พาไปทำงานด้วย อยากจะฝากว่าหากเป็นไปได้ก็ให้มากราบขอขมาศพน้องและครอบครัวด้วยที่เป็นสาเหตุทำให้น้องต้องคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นมางานศพเลย ซึ่งทางญาติจะฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) ที่วัดในหมู่บ้าน