ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-เปิดใจ!หนุ่มคนขับสี่ล้อแดงคู่กรณีในคลิปถูกดาบตำรวจสะพายปืนบีบีกันขู่ ยันก่อนเกิดเหตุขับรถตามปกติและไม่ได้หาเรื่อง โพสต์คลิปแค่ต้องการเตือนภัยไม่เจตนาทำเสียหาย ขอโทษหากทำไม่สบายใจ ดีใจจบเรื่องด้วยดีเตรียมลบคลิป
ความคืบหน้าจากกรณีวานนี้(24 เม.ย.63) ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Noo Namwan” โพสต์คลิปภาพเหตุการณ์ที่มีชายคนหนุ่มคนหนึ่งตัดผมเกรียนพร้อมสะพายอาวุธปืนยืนอยู่ข้างกระจกรถยนต์ฝั่งคนขับที่มีผู้ชายที่คาดว่าเป็นแฟนหนุ่มของผู้โพสต์ขับอยู่และมีปากเสียงกัน โดยชายคนที่สะพายปืนอ้างว่าเป็นตำรวจ ซึ่งหลังจากโต้เถียงกันสักครู่หนึ่ง ผู้ชายคนที่สะพายปืนอยู่ได้เดินกลับไปขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน กห-5296 เชียงใหม่ ที่จอดอยู่ด้านหน้าแล้วขับออกไป
ทั้งนี้ตามคลิปคาดว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดบนถนนเลียบทางรถไฟเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทางลำพูน ช่วงผ่านอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นและแชร์ต่อจำนวนมาก ส่วนใหญ่ตำหนิพฤติกรรมของผู้ชายที่สะพายปืน และอยากให้มีการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายเรื่องการพกพาอาวุธปืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากให้มีการตรวจสอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ ซึ่งต่อมาตรวจสอบพบว่าชายที่สะพายปืนดังกล่าวเป็นตำรวจจริง คือ ดาบตำรวจธนกฤต ชัยนารักษ์ ผบ.หมู่ (ป) สถานีตำรวจภูธรสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ที่เข้ารายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาพร้อมปืนกระบอกดังกล่าวแล้ว
นายบี(นามสมมุติ) อายุ 38 ปี คนขับรถสี่ล้อแดง ซึ่งเป็นคู่กรณีกับดาบตำรวจธนกฤตในคลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุวานนี้(24 เม.ย.63)ช่วงเย็นประมาณ 17.00 น.กำลังขับรถกลับบ้านโดยที่มีภรรยาและลูกน้อยนอนหลับอยู่ในรถด้วย ระหว่างที่ขับมาตามทางถนนวงแหวนรอบสองจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบทางรถไฟไปทางลำพูน จังหวะนั้นรถคู่กรณีขับมาจากทางขวา ตอนแรกตัวเองตั้งใจจะขับเข้าทางหลักเนื่องจากเห็นว่ามีระยะห่างพอสมควร
แต่รถคู่กรณีไม่ยอม ตัวเองจึงให้ขับผ่านหน้าไปก่อน แล้วค่อยขับเข้าทางหลักและขับไปตามทางปกติ กระทั่งสักพักหนึ่งถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ๆ ทางรถเก๋งคู่กรณีที่อยู่ด้านหน้าได้จอดและเกิดเหตุตามคลิปดังกล่าว โดยยืนยันว่าไม่ได้ขับจี้ท้ายหรือบีบแตรไล่แต่อย่างใด เพียงแต่กำลังขับรถกลับบ้านเท่านั้น ซึ่งหลังทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจจริง ยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจและมีความเป็นห่วงกังวลอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่เป็นตัวกลางให้ได้พบพูดคุยทำความเข้าใจกับคู่กรณีได้ด้วยดีและยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายก็สบายใจขึ้น
ส่วนการที่ภรรยาของตัวเองนำคลิปไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียนั้น เป็นเพราะต้องการจะเตือนภัยและอยากให้มีการตรวจสอบ เพราะไม่แน่ใจว่าคู่กรณีเป็นตำรวจริงหรือไม่ และหากเป็นตำรวจจริงก็มองว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ในวันนี้(25 เม.ย.63) เมื่อได้มีการปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้ว ตัวเองก็พอใจและขอโทษทางคู่กรณีด้วยเช่นหากทำอะไรให้ไม่สบายใจ รวมทั้งจะลบโพสต์ในเฟซบุ๊คออก ย้ำว่าไม่อยากมีปัญหาขัดแย้งกับใครทั้งสิ้นและไม่มีเจตนาจะทำให้ตำรวจคู่กรณีได้รับผลกระทบเสียหายต่อหน้าที่การงานด้วย เพราะอยากตั้งใจทำมากินเลี้ยงดูครอบครัวมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้แทบจะไม่มีรายได้เลย ซึ่งสิ่งที่ตัวเองเป็นห่วงมากเวลานี้ก็คือกรณีนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน ที่คนใช้บริการอาจจะมองตัวเองว่าเป็นคนใจร้อนและไม่กล้าใช้บริการ.