xs
xsm
sm
md
lg

คดีแรกภาคอีสาน! ศาลขอนแก่นสั่งคุก 76 ปี 4 นายทุนเงินกู้ พร้อมสั่งคืนเงิน-คืนโฉนดลูกหนี้ 11 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศาลจังหวัดขอนแก่น
ศูนย์ข่าวภาคอีสาน - เปิดหน้าประวัติศาสตร์คดีแรกในภาคอีสาน ศาลขอนแก่นสั่งจำคุก 76 ปี 4 นายทุนเงินกู้นอกระบบ ฐานหลอกลวงฉ้อโกงลูกหนี้ แต่จำคุกสูงสุดได้แค่ 20 ปี พร้อมสั่งคืนเงินและโฉนดที่ดินผู้เสียหาย 11 ราย

(แฟ้มภาพ)
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดแถลงคำพิพากษาตัดสินคดีหมายเลขดำที่ อ.2889/2561, คดีหมายเลขแดงที่ 0276/2563 ระหว่างโจทก์ คือ พนักงานอัยการ ร่วมกับ ผู้เสียหายหรือผู้ร้อง 11 คน และจำเลย 4 ราย ประกอบด้วย 1. นายเสถียร มามุข 2. นางสาวิตรี มามุข 3. นางพันธ์ทอง มามุข และนายสาธิต มามุข ในคดีฉ้อโกงความผิดเกี่ยวกับเอกสารความผิดต่อ พ.ร.บ.ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา ความผิดต่อคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58

โดยโจทก์ฟ้องว่า ระหว่าง 24 ก.ย. 56-28 ก.พ. 61 จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันหลอกลวงประชาชนและกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โฆษณาและประกาศให้ประชาชนทั่วไปมากู้ยืมเงินจำเลยทั้ง 4 ในอัตราดอกเบี้ยต่ำอันเป็นเท็จ

ทั้งนี้ ภายหลังผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนจากการกู้ยืมเงินที่ต้องจ่ายดอกในอัตราที่สูงไม่เป็นไปอย่างที่โฆษณาประกาศแจ้งไว้แต่แรก จึงได้นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ตำรวจภูธรภาค 4 ตามนโยบายรัฐบาล และมีการฟ้องร้องดำเนินคดีตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 61

ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 4 คิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับการคิดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้จำเลยทั้ง 4 ได้ไปซึ่งทรัพย์จากผู้เสียหายโดยทุจริต อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ให้จำคุกจำเลยทั้ง 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน 38 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 76 ปี ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตคนละ 4 เดือน

ไม่นับรวมจำเลยบางคนถูกตัดสินจำคุกฐานร่วมกันให้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ร่วมกันใช้เอกสารปลอม ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ทั้งนี้เมื่อรวมโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 ทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินคนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.91(2) ดังนั้นจึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 20 ปี

(แฟ้มภาพ)
พร้อมกันนี้ ให้จำเลยที่ 4 คืนเงินจำนวน 183,691 บาท จำเลยที่ 3 คืนเงินจำนวน 350,000 บาท จำนวน 1,687,000 บาท จำนวน 491,525 บาท จำนวน 337,850 บาท จำนวน 90,000 บาท จำนวน 44,250 บาท และจำนวน 27,245 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นแต่ละจำนวนข้างต้นแก่ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 ที่ 8 ที่ 9 ที่ 10 และที่ 11 ตามลำดับ ทั้งนี้นับแต่วันฟ้องวันที่ 9 เม.ย. 61 และให้จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 คืนโฉนดแก่ผู้ร้องหรือโจทก์ร่วมทั้ง 11 ราย จำนวน 11 แปลง ใน ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม

รายงานเพิ่มเติมระบุอีกว่า ภายหลังทราบคำตัดสิน จำเลยทั้ง 4 และญาติพี่น้องที่มาร่วมฟังคำพิพากษาต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากนั้นจำเลยทั้ง 4 ได้ยื่นขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป

สำหรับการพิพากษาคดีนายทุนเงินกู้นอกระบบกรณีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์คดีแรกในภาคอีสาน ที่ลูกหนี้ผู้เสียหายร้องผ่านศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สตช. ซึ่งมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ในขณะนั้นเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้สั่งดำเนินคดีเอาผิดนายทุนเงินกู้นอกระบบที่ศาลสั่งลงโทษหนักจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี ทั้งยังมีการเจรจาคืนโฉนดที่ดิน คืนเงินต้นให้แก่ชาวบ้านที่หลงกลเป็นลูกหนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น