นครพนม - พ่อลูกชายเหยื่อทหารโหดรุมซ้อมจนเสียชีวิตยังไม่เผาศพต้องการให้ทหารตีนหนักขอขมาศพก่อน ด้านตำรวจยังไม่เรียก 11 ทหารมารับทราบข้อกล่าวหาอ้างรอพยานหลักฐานให้แน่นก่อน แต่ตั้ง 2 ข้อหาไว้รอแล้ว ทั้งร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
กรณีสองผัวเมียชาวอำเภอธาตุพนมเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เพื่อเอาผิดกลุ่มทหารชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ศอ.ปส.ชอน. หรือศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายเเดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งมาตั้งฐานปฏิบัติการ ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฝั่งแดง อุ้มลูกชาย 2 คนไปเค้นให้รับสารภาพว่าค้ายาเสพติด เนื่องจากทั้งคู่มีประวัติเสพ แต่ไม่ยอมรับจึงรุมซ้อม ทำให้ผู้เป็นพี่ชายเสียชีวิต คือ นายยุทธนา ซ้ายซา หรือด่อน อายุ 33 ปี ส่วนน้องชายคือ นายณัฐพงษ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เนื่องจากถูกซ้อมจนกระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่
ส่วนศพนายยุทธนา ทางพ่อแม่ และญาติได้นำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักบ้านยางคำ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม ภายหลังตำรวจส่งศพไปตรวจชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น ผลผ่าพิสูจน์ศพเบื้องต้นระบุ สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และปอดบวมช้ำจากการได้รับแรงกระแทกก่อนเสียชีวิต
ล่าสุด นายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนนี้พวกตนยังรอให้กลุ่มทหารที่รุมซ้อมลูกชายจนตายมาขอขมาศพลูกชายก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณี ซึ่งยังไม่กำหนดวัน และขอให้กองทัพภาคที่ 2 ให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวของตนด้วย โดยให้ทหารที่รุมซ้อมลูกชายของตนออกมารับผิดชอบทุกนาย และตำรวจต้องดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด
ในส่วนทางด้านคดีนั้น มีรายงานว่า พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.ธาตุพนม ได้มอบหมายให้ทีมพนักงานสอบสวนเร่งสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานโดยเร็ว เพื่อสรุปพยานหลักฐานเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิด เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน โดยยังรอผลการรับรองการชันสูตรศพจากทางแพทย์ และผลการตรวจร่างกายของผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะสรุปดำเนินคดีตามขั้นตอน และประสานหน่วยงานต้นสังกัดให้ผู้ที่กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหา
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบมีเจ้าหน้าที่ทหารเกี่ยวข้องในฐานปฏิบัติการจำนวน 11 นาย มีชั้นสัญญาบัตร 1 นาย ชั้นประทวน 6 นาย และกำลังพลทหารเกณฑ์ จำนวน 4 นาย ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องว่าใครจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด
นางตาล ตุ้มอ่อน อายุ 62 ปี ป้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนรับไม่ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับลูกหลาน เนื่องจากหลานชายทั้ง 2 คนปกติถึงแม้จะดื่มเหล้า หรือหลงผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเสพยากับกลุ่มเพื่อนแต่ไม่เคยสร้างปัญหาให้สังคม ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาท รวมถึงทำร้ายใคร หลานชายทั้งคู่ตั้งใจทำงานช่วยพ่อแม่ ทำไร่ทำนา เมื่อลูกชายคนโตเสียชีวิต ลูกชายคนเล็กเจ็บสาหัส จะเหลือใครช่วยพ่อแม่ทำนา เพราะผู้เป็นพ่อก็ป่วยลิ้นหัวใจรั่วทำงานไม่ได้
“เจ้าหน้าที่ทหารพวกนี้ทำเกินกว่าเหตุ ไม่มีความปรานีเลย ทำไมโหดร้ายขนาดนี้ อยากฝากถึงหน่วยงานทหารจะรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร ชาวบ้านข้องใจกันมากว่าถ้าหลานชายทั้งสองทำผิดกฎหมายทำไมไม่คุมตัวส่งตำรวจดำเนินคดีหรือแจ้งให้พ่อแม่เขารู้ก่อน กระท่อมนาห่างหมู่บ้านไม่กี่ร้อยเมตร เท่ากับว่ามีเจตนาอุ้มไปทำร้ายมากกว่า” นางตาลกล่าว