นครปฐม - พี่สาวเผยสุดช้ำ น้องชายเสียชีวิต จ.น่าน จะเดินทางไปรับศพเจ้าหน้าที่บอกต้องกักตัว 14 วัน ก่อนรับศพได้ ติดต่อวัดในพื้นที่เพื่อเผาตามพิธีแต่ถูกเจ้าอาวาสปฏิเสธ บอกชาวบ้านไม่ให้เผา เหตุอาจกลัวว่าตายเพราะติดเชื้อโควิด-19 ทั้งที่มีใบรับรองจากแพทย์ว่าเสียชีวิตเพราะติดเชื้อกระแสเลือด
เรื่องราวสะเทือนใจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ครอบครัวโพธิบุตร ได้เดินทางนำศพของ นายศิริชัย โพธิบุตร อายุ 41 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 96 ม.4 ต.คลีกลิ้ง อ.ศิลาลาด จ.ศรีษะเกษ เพื่อมาติดต่อขอเผาศพที่วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
โดยนางจิราพร โพธิบุตร อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/329 ม.8 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม กล่าวว่า ศพที่นำมาขอเข้าโครงการสวดเผาฟรี ที่วัดไผ่ล้อมนี้เป็น คือนายศิริชัย หรือนาย เป็นน้องชายแท้ๆ ของตนเองซึ่งได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลน่าน ซึ่งได้ป่วยด้วยอาการมีไข้ ตัวสั่น และล้มไม่ได้สติ ที่บ้านเช่า ในพื้นที่อำเภอเมืองน่าน โดยมีเพื่อนบ้านได้แจ้งให้รถพยาบาลมารับตัวไปตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม หลังจากมีอาการป่วยมาตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม โดยหมดสติและฟื้นมารับรู้อาการบ้างตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล
เมื่อวันที่ 11 เมษายน แพทย์ได้โทร.มาบอกว่า อาการของนายศิริชัย ทรุดหนัก ซึ่งตนเองบอกกลับไปว่า ถ้าน้องชายจะไปไม่ต้องยื้อ เพราะได้มีการบอกสั่งลากันไปแล้วทางโทรศัพท์ก่อนหน้า
นางจิราพร กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนเองทราบว่าน้องชาย ป่วยหมดสติไป ในวันที่ 11 เมษายน ก็ทราบแน่แล้วว่าน้องชายจะไม่รอด หลังจากนั้น ได้พยามยามจะติดต่อขอไปรับน้องชาย แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลน่านบอกว่า จะเดินทางมาก็ได้แต่ต้องมีการกักตัว 14 วัน โดยมีสถานที่และจัดอาหารไว้ให้พร้อมก่อนที่จะเข้ามาในพื้นที่ของจังหวัดน่านได้ เพราะยังไม่มีผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งตนเองไม่สามารถไปได้เพราะเงินไม่มี และไม่มีงานทำ หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
กระทั่งน้องชายได้เสียชีวิต ก็ได้ประสานขอให้รถโรงพยาบาลมาศพมาส่งที่จังหวัดนครปฐม เพราะญาติอยู่ที่นี่ทั้งหมด โดยได้ไปกู้เงินมา 1 หมื่นบาท และไปยืมเพื่อนมาเป็นทุนในการจัดงาน เพราะตนเองไม่มีเงินเก็บแล้ว แต่ก็สู้ราคาไม่ไหว เพราะแค่ค่ารถ ก็มีราคา 1.5 หมื่นบาท ค่าโลงศพอีก 6 พันบาท และได้สอบถามโลงศพราคาถูกคือ ราคา 3 พันบาท แต่ก็ได้มีการแจ้งกลับมาอีกว่าโลงศพแบบราคาถูกอาจจะไม่พอใส่ร่างน้องชายได้
จากนั้นตนเองได้ประสานกับเพื่อนน้องชายว่าจะขอให้นำศพน้องชายไปเผาที่สำนักสงฆ์ ในหมู่บ้านนาท้อ ต.บ้านสะเนียน อ.เมือง จ.น่าน ซึ่งได้โทรศัพท์ไปปรึกษากับเจ้าอาวาส ก็ได้รับการปฏิเสธมาว่า ไม่รับโดยให้เหตุผลว่า ชาวบ้านไม่ให้เผา ซึ่งตนเองพยายามจะอธิบายว่าน้องชายไม่ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีใบรับรองการเสียชีวิตจากโรงพยาบาลน่าน และแพทย์ พยาบาล พร้อมจะยืนยันให้ว่าเป็นการตายเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด โดยมีอาการไตวาย
ตนเองคิดว่าอาการที่น้องชายป่วยนั้นทำให้ชาวบ้านวิตกและลือกันไปต่างๆ นานา จากนั้นได้ให้ญาติประสานไปที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งเจ้าอาวาสสนิทกับทางเจ้าอาวาสก็ได้รับคำตอบว่าไม่ แต่ไม่มีเหตุผลบอกว่าเพราะอะไร กระทั่งมาไล่หาจากข่าวพบว่า วัดไผ่ล้อมได้มีโครงการและประกาศเอาไว้ว่า รับเผาศพทุกกรณี และมีโครงการเผาฟรี จึงได้ว่าจ้างรถไปรับศพน้องชายจาก โรงพยาบาลน่าน มาเผาที่นี่และเป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยเมื่อมาถึงเจ้าอาวาสได้ สงเคราะห์เผาให้ฟรีและมอบเงินมาให้ด้วย ทำให้จากที่ทุกข์นั้นมีกำลังใจขึ้นมาก
“ขณะนี้เหลือแต่เงินกิน รายได้เราหายไปหมดทั้งสามีและตัวเอง น้องสาวน้องเขยก็ไม่มีรายได้ พอมาเจอน้องชายเสียชีวิต เราก็พยายามติดต่อพยาบาลขอดูภาพ และโทร.คุยกับน้องจนเขาตายไป โดยไม่ได้เจอกันหลายปีเราทุกข์มาก น้อยใจว่าทำไม ชะตาชีวิตมาเป็นแบบนี้ เสียใจกับหน่วยงานที่ให้เราเข้าไปรับศพก่อนน้องตายแต่ต้องกักตัว 14 วัน พอเงินไม่มีเรากลายเป็นคนอีกชนชั้นไปแล้ว ลงทะเบียนรับการเยียวยา ก็ได้ของตนเองคนเดียว น้องสาว น้องเขย ไม่ได้รับเขาขับแท็กซี่ก็ถูกปฏิเสธว่าเป็นเกษตรกร รถพยาบาลที่จะมาส่งก็ต้องไปหาที่อื่นจากจังหวัดนครนายก ในราคา 13,500 บาท พร้อมโลงศพก็หมดไปแล้ว ทำไมไม่มีใครช่วยเราเลยและไม่ฟังเราว่าน้องชายเราไม่ได้ตายเพราะไวรัสโควิด-19 แต่วัดไผ่ล้อมให้กำลังใจและให้งานเราไปเย็บผ้าหน้ากากที่วัดจัดทำไว้ ก็มีความหวังมาบ้างและไม่คิดว่าชีวิตจะมาเจอเรื่องแบบนี้” นางจิราพร กล่าวทั้งน้ำตาปิดท้าย