เพชรบุรี - พบม้าตายเพิ่มเป็นตัวที่ 10 ปศุสัตว์ประกาศเขตเฝ้าระวังกาฬโรคแอฟริกาในม้า เน้นม้าทุกตัวต้องอยู่ในมุ้ง เพื่อป้องกันแมลงดูดเลือดที่เป็นพาหะสำคัญของโรค
วันนี้ (13 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางขนิษฐา ธิติดิลกรัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี พ.ต.ท.นิธินันธ์ นาคบุรี นายสัตวแพทย์รักษาการปศุสัตว์อำเภอชะอำ พร้อมด้วย ทีมสอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอชะอำ ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 754/7 ถนนเกาะกะล้อม บ้านบ่อแขม อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ของนางมณฑา ทองกลึง อายุ 46 ปี
หลังรับแจ้งว่าม้าเพศผู้ ชื่อทองดี อายุประมาณ 6 ปี ทีเลี้ยงไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวตามชายหาดชะอำได้ป่วยตายลง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสภาพม้าที่ป่วยตาย พบว่า ตายด้วยกาฬโรคแอฟริกาในม้า จึงทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่ตัวม้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดูการขุดหลุมฝังกลบลึกประมาณ 4-5 เมตร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อกาฬโรคแอฟริกาในม้า ในพื้นที่ไม่ให้ขยายวงกว้างออกไป ซึ่งม้าตัวนี้ถือเป็นตัวที่ 10 จาก 6 ฟาร์ม ที่ตายลงในรอบเดือนมีนาคมและเมษายน 63
นางมณฑา ทองกลึง อายุ 46 ปีเจ้าของม้า กล่่่าวาว่า ซื้อมาตั้งแต่อายุยังน้อย ในราคาตัวละ 40,000 บาท ก่อนม้าตาย ม้ามีอาการซึม กินอาหารไม่ได้ ชักเกร็ง ทุรนทุราย ไม่ฉี่ ไม่อุจจาระ หมดแรง ตา เหงือก ปากมีสีแดงคล้ำ และตายลงในเวลา 3 วัน
นางขนิษฐา และเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่แจกยากำจัดแมลงและสัตว์รบกวนในม้า และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้เลี้ยงม้าในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 22 ราย ให้กางมุ้งให้ม้าพักอาศัย ฉีดพ่นยากำจัดแมลงและสัตว์รบกวนในม้า เพื่อป้องกันแมลงดูดเลือดที่เป็นพาหะสำคัญของกาฬโรคแอฟริกาในม้า
"ทางปศุสัตว์เพชรบุรีได้มีการดำเนินการป้องกัน ฉีดวัคซีนป้องกันกาฬโรคแอฟริกาในม้าทั้งจังหวัด แต่ม้าจะต้องอยู่ในมุ้งทุกตัว ก่อนการฉีดวัคซีน จะมีการตรวจเลือด ถ้าติดเชื้อ AHS แล้ว จะไม่ได้รับวัคซีน จึงขอเน้นย้ำให้ผู้เลี้ยงม้าทุกรายจัดทำกางมุ้ง หรือติดมุ้งที่คอกม้าทุกตัว สังเกตอาการของม้า เฝ้าระวังตัวริ้นน้ำเค็มซึ่งเป็นแมลงดูดเลือดที่เป็นพาหะสำคัญของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ม้าตายลง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคนี้"
เบื้องต้น ได้ออกประกาศเป็นเขตเฝ้าระวังโรคทั้งจังหวัดเพชรบุรี โดยห้ามเคลื่อนย้าย ม้า ลา ล่อ ม้าลาย และอูฐ เข้าออกในพื้นที่เกิดโรคอำเภอชะอำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสัตวแพทย์ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันนี้ (13 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางขนิษฐา ธิติดิลกรัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี พ.ต.ท.นิธินันธ์ นาคบุรี นายสัตวแพทย์รักษาการปศุสัตว์อำเภอชะอำ พร้อมด้วย ทีมสอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอชะอำ ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 754/7 ถนนเกาะกะล้อม บ้านบ่อแขม อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ของนางมณฑา ทองกลึง อายุ 46 ปี
หลังรับแจ้งว่าม้าเพศผู้ ชื่อทองดี อายุประมาณ 6 ปี ทีเลี้ยงไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวตามชายหาดชะอำได้ป่วยตายลง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสภาพม้าที่ป่วยตาย พบว่า ตายด้วยกาฬโรคแอฟริกาในม้า จึงทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่ตัวม้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดูการขุดหลุมฝังกลบลึกประมาณ 4-5 เมตร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อกาฬโรคแอฟริกาในม้า ในพื้นที่ไม่ให้ขยายวงกว้างออกไป ซึ่งม้าตัวนี้ถือเป็นตัวที่ 10 จาก 6 ฟาร์ม ที่ตายลงในรอบเดือนมีนาคมและเมษายน 63
นางมณฑา ทองกลึง อายุ 46 ปีเจ้าของม้า กล่่่าวาว่า ซื้อมาตั้งแต่อายุยังน้อย ในราคาตัวละ 40,000 บาท ก่อนม้าตาย ม้ามีอาการซึม กินอาหารไม่ได้ ชักเกร็ง ทุรนทุราย ไม่ฉี่ ไม่อุจจาระ หมดแรง ตา เหงือก ปากมีสีแดงคล้ำ และตายลงในเวลา 3 วัน
นางขนิษฐา และเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่แจกยากำจัดแมลงและสัตว์รบกวนในม้า และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้เลี้ยงม้าในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 22 ราย ให้กางมุ้งให้ม้าพักอาศัย ฉีดพ่นยากำจัดแมลงและสัตว์รบกวนในม้า เพื่อป้องกันแมลงดูดเลือดที่เป็นพาหะสำคัญของกาฬโรคแอฟริกาในม้า
"ทางปศุสัตว์เพชรบุรีได้มีการดำเนินการป้องกัน ฉีดวัคซีนป้องกันกาฬโรคแอฟริกาในม้าทั้งจังหวัด แต่ม้าจะต้องอยู่ในมุ้งทุกตัว ก่อนการฉีดวัคซีน จะมีการตรวจเลือด ถ้าติดเชื้อ AHS แล้ว จะไม่ได้รับวัคซีน จึงขอเน้นย้ำให้ผู้เลี้ยงม้าทุกรายจัดทำกางมุ้ง หรือติดมุ้งที่คอกม้าทุกตัว สังเกตอาการของม้า เฝ้าระวังตัวริ้นน้ำเค็มซึ่งเป็นแมลงดูดเลือดที่เป็นพาหะสำคัญของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ม้าตายลง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคนี้"
เบื้องต้น ได้ออกประกาศเป็นเขตเฝ้าระวังโรคทั้งจังหวัดเพชรบุรี โดยห้ามเคลื่อนย้าย ม้า ลา ล่อ ม้าลาย และอูฐ เข้าออกในพื้นที่เกิดโรคอำเภอชะอำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสัตวแพทย์ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ