นครสวรรค์ - ตามพิสูจน์หลุมกระดูกมนุษย์-หม้อ ไห กำไลเก่า โพสต์หราบนเพจซื้อขายของเก่า พบแอดมินหนุ่มโกรกพระขุดเจอห่างแหล่งโบราณวัตถุยุคหินใหม่แค่กิโลฯ เดียว อ้างแค่โชว์ของ-ไม่เคยขายตลาดมืด
ความคืบหน้ากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ประจวบ มาดี” ไลฟ์สดขุดหลุมซากโครงกระดูกมนุษย์และโพสต์ภาพเครื่องประดับโบราณเป็นจำนวนมากขายทางออนไลน์ โดยจากการตรวจสอบผู้โพสต์รายนี้พบว่ามีบ้านพักอยู่ในพื้นที่ หมู่ 6 ต.นากลาง อ.โกรกพระ อยู่ในพื้นที่เดียวกับที่กรมศิลปากรขุดพบโครงกระดูกมนูษย์รวมถึงวัตถุโบราณยุคหินใหม่ อายุกว่า 3,000 ปี ซึ่งนายประมวล เสนีย์ นายก อบต.นากลาง อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ได้มอบหมายให้ปลัด อบต. เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.วรวรรษ พ่วงเชย หัวหน้าสถานี สภ.บางประมุง เพื่อให้เอาผิดเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายเรียกประจวบ มาดี ผู้โพสต์มาสอบปากคำนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่หมู่ 6 ต.นากลาง อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ พบว่ามีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์และวัตถุโบราณยุคหินใหม่ จำนวน 21 โครง รวมถึงวัตถุหม้อ ไห กำไลดินเผา และเครื่องประดับโบราณ รวมกันอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ชิ้น ในพื้นที่นาของนายวสันต์ ขันติวงษ์ มาตั้งแต่เตือนสิงหาคม 2556 จนเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรต้องส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลและทำการปิดกั้นพื้นที่ในการดำเนินการขุดค้นเพิ่มเติม พร้อมกับพัฒนาให้พื้นที่ดังกล่าวให้เป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ด้วย
ส่วนจุดที่ปรากฏเหตุการณ์ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของนายประจวบ มาดี ที่ถูกแจ้งความให้ดำเนินคดีลักลอบขุดโครงกระดูกมนุษย์โบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น อยู่ห่างจากจุดนี้ไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นพื้นที่สาธารณะที่อยู่ติดกับบ้านญาติของนายประจวบ โดยพบว่ามีร่อยรอยการขุดดินหลายจุด รวมถึงมีเศษซากวัตถุโบราณที่แตกแล้ว และโครงกระดูกมนุษย์อีก 1 โครงที่ยังอยู่ในหลุม
นายประมวล เสนีย์ นายก อบต.นากลาง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การที่ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อนายประจวบ สืบเนื่องจากมีชาวบ้านมาแจ้งว่านายประจวบได้มีการไลฟ์สดขุดหาโครงกระดูกมนุษย์โบราณผ่านเพซบุ๊กของตนหลายครั้ง อีกทั้งยังมีการนำภาพวัตถุโบราณหลากหลายชนิดไปโพสต์โชว์อยู่เป็นประจำ และพฤติกรรมของนายประจวบก็ชอบนิยมสะสมซื้อขายของเก่าโบราณอยู่แล้ว จึงได้มีการตรวจสอบคลิปที่นายประจวบได้ทำการไลฟ์สดก่อนจะมาตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว พร้อมกับเก็บหลักฐานแล้วรายงานให้กับนายอำเภอทราบ จากนั้นจึงได้มอบหมายให้ปลัด อบต.ไปแจ้งความเอาผิดต่อนายประจวบฐานบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์ไว้ก่อน เพื่อให้ตำรวจเชิญตัวนายประจวบมาสอบสวนขยายผลหาความจริงถึงเจตนาที่ไปขุดหลุมหาโครงกระดูกมนุษย์โบราณ และมีการนำวัตถุโบราณที่ขุดได้นำไปขายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การขุดวัตถุโบราณแบบนี้ก็ถือเป็นว่าผิดกฎหมายอยู่แล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพัก สภ.บางประมุง พบนายประจวบให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนและภรรยามีอาชีพทำนา และรับจ้างงานเหมาก่อสร้าง แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานทำจึงใช้เวลาว่างออกไปขุดตามแหล่งที่พบเจอโครงกระดูกโบราณซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังที่ดินของญาติ หวังว่าจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา ประกอบกับที่ผ่านมาตนเคยเรียนรู้การขุดวัตถุโบราณพวกนี้มาจากเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรซึ่งเคยได้ว่าจ้างตนและคนในหมู่บ้านให้ไปช่วยกันขุดหาวัตถุโบราณมาแล้วด้วย จึงอยากโชว์ความสามารถที่มีผ่านการไลฟ์สดให้เห็นระหว่างการขุดหาเพื่อให้คนมาชมเกิดความสนใจ โดยที่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนเข้าใจผิดจนมีการไปแจ้งความดำเนินคดีว่าตนขุดเอาสมบัติและโครงกระดูกโบราณออกมาขาย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
“หลักฐานที่มีการตรวจยึดไปแจ้งความต่อตำรวจ ทั้งหม้อ ไห กระดูก ก็เป็นเศษวัตถุโบราณที่แตกแล้วทั้งนั้น ผมขุดพบก็เอามาวางกองไว้ โดยเตรียมจะนำเอามารวมเพื่อรอประกอบชิ้นส่วนแล้วนำไปโชว์เพื่อทำเป็นแหล่งศึกษาของโบราณ ไม่เคยคิดที่จะนำของที่ขุดเจอในที่แห่งนี้นำไปเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวหรือนำไปขาย จึงอยากถามกลับคนที่แจ้งความจับตนว่า มีที่ไหนบ้างที่รับซื้อกระดูกมนุษย์โบราณ มันไม่มีที่ไหนที่เขารับซื้อหรอก และมันไม่เป็นความจริง” นายประจวบระบุ
เมื่อถามถึงภาพวัตถุโบราณต่างๆ ที่นำไปโพสต์ไว้บนเฟซบุ๊ก นายประจวบให้การอ้างว่า เป็นวัตถุที่ตนหาซื้อมาได้จากการซื้อขายกันผ่านทางออนไลน์ในกลุ่มที่ขายของจำพวกนี้ และเป็นของเก่าที่ตนซื้อมาจากผู้ขายจังหวัดอื่นแล้วนำมาโพสต์ขายต่อเพื่อทำกำไรหาเลี้ยงตัว ประกอบกับตนเป็นแอดมินเพจซื้อขายของเก่าซึ่งก็จะต้องมีการโพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของเก่าโบราณให้ลูกเพจศึกษาอยู่ตลอด และเมื่อมีโอกาสได้ใช้สถานที่ที่พบโครงกระดูกโบราณตรงนี้ จึงตัดสินใจไลฟ์สดเพื่อให้ความรู้
ส่วนข้อสงสัยที่ตนรู้ว่าจุดไหนมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณ ขอยืนยันว่าตอนแรกตนไม่รู้เลย แต่ที่รู้ก็เพราะมีการมาปรับพื้นที่แล้วดันมีคนไปเจอแล้วมาเล่าให้ฟังว่าเจอวัตถุโบราณในพื้นที่ด้านหลังบ้านญาติของตน จึงได้ไปดูและขุดไปตามเจตนาที่หวังจะให้เป็นแหล่งเรียนรู้เพียงเท่านั้น
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดต่อนายประจวบ เพียงแต่เชิญตัวมาสอบปากคำตามหมายเรียกในการรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเท่านั้น แต่หากพบว่ามีความผิดจริงจะถูกแจ้งความผิด 2 ข้อหา ฐานบุกรุกเขตหวงห้ามที่เป็นแห่งโบราณคดีซึ่งยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน และทำการขุดค้นโบราณสถานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีรายงานด้วยว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรจะมีการเข้าตรวจสอบสถานที่ก่อนจะมีการแจ้งความเพิ่มเติมต่อนายประจวบต่อไป