แพร่ – ทีมรุกขกรป่าไม้แพร่ เร่งฟื้นฟูไม้ใหญ่ขุนน้ำห้วยฮ้อม..หลังดับไฟป่ารอยต่อ อช.ลำน้ำน่าน-ป่าแม่ก๋อนแม่สาย แหล่งน้ำ-จับคนรุกป่าแล้ว พบไม้ใหญ่ถูกโค่น-ขวั้นเปลือก/กานรอบลำต้นให้ยืนแห้งตายรอตัดอีกกว่าร้อยต้น
หลังเจ้าหน้าที่-จิตอาสา ต้องระดมกำลังเข้าดับไฟป่าบริเวณรอยต่อเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านกับเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ก๋อนและป่าแม่สาย ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำขุนน้ำห้วยห้อม หมู่ที่ 4 บ้านแม่ลัว ต.ป่าแดง อ.เมืองแพร่ ซึ่งพบว่านอกจากจะมีการเผาทำลายป่าและต้นไม้ใหญ่ที่ลักลอบตัดโค่นแล้ว ยังมีการขวั้นเปลือก-กานรอบลำต้นตัดทางน้ำเลี้ยงลำต้น เพื่อให้ต้นไม้ขนาดใหญ่เหล่านั้นยืนต้นตายรอตัดโค่นอีกกว่า 100 ต้น
ล่าสุดนายจิระ ทรงพุฒิ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ได้ส่งชุดปฏิบัติการรุกขกร ร่วมกับศูนย์ป่าไม้แพร่ โดยหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เมืองแพร่/หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.9 (ช่อแฮ) และชุดปฏิบัติการพิเศษ สจป.3 สาขาแพร่ ทำการฟื้นฟูรักษาต้นไม้ที่ถูกกานรอให้ยืนต้นตาย ในพื้นที่บุกรุกท้องที่ป่าขุนน้ำห้วยฮ้อม บ้านแม่ลัว ม.4 ต.ป่าแดง อ.เมือง จ.แพร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ก๋อนและป่าแม่สาย พิกัดที่ 640784 2000270 (ใกล้เขตรอยต่ออุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน) ที่ตรวจยึดได้พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย เมื่อ 6-7 เม.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่รุกขกรที่รักษาต้นไม้กล่าวว่า ต้นไม้ที่ถูกขวั้นเปลือก ส่วนใหญ่มีอายุ 40-70 ปีโดยประมาณ มีขนาดลำต้นใหญ่มาก ถ้าไม่ช่วยต้นไม้ป่าเหล่านี้จะตายทุกต้น ซึ่งรุกขกรได้ทำการสำรวจพบไม้ใหญ่ถูกกานแล้ว 112 ต้น แต่อาจช่วยเหลือต่ออายุต้นไม้ได้เฉพาะต้นที่ขวั้นเปลือกใหม่ สังเกตุจากใบและเรือนยอดยังไม่เหี่ยว
โดยต้องปีนขึ้นไปบนต้นเพื่อตัดกิ่งที่สมบูรณ์นำมาเป็นอวัยวะ ทดแทนชิ้นส่วนผิวเปลือกที่ขาดจากกัน นำมาทาบเข้ากับลำต้นเพื่อต่อทางส่งน้ำของต้นไม้ ดูแลรอยแผลไม่ให้ถูกน้ำป้องกันเชื้อราเข้าแทรก นำซิลิโคนและผ้าพลาสติกคลุมเพื่อลดการระเหยของน้ำจากชิ้นส่วนที่นำมาติด ราว 1 เดือนแผลต้นไม้จะสมานกัน จากนั้นต้องเข้ามาดูการเปลี่ยนแปลงทุกเดือนจนกว่าจะมั่นใจเป็นปกติ ซึ่งขณะนี้ต่อเชื่อมผิวเปลือกของต้นไม้ทางส่งน้ำไปเลี้ยงลำต้นได้แล้วจำนวน 15 ต้น และจะพยายามช่วยให้ได้ทุกต้น
นางสาวพัชรินทร์ เตชา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.ป่าแดง อ.เมืองแพร่ กล่าวว่าในหมู่บ้านมีการอนุรักษ์ป่ามานานตั้งแต่รุ่นพ่อ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตอยู่กับป่า ทำมาหากินในรูปแบบวนเกษตร ด้วยประเพณีชาวบ้านไม่ทำลายป่าบนสันเขา เหลือต้นไม้ป่าไว้ในแปลงเกษตร และตัดไม้จากต้นไม้ในแปลงเกษตรใช้ทำฟืน สร้างบ้านเท่านั้น จึงมีไม้ใช้อย่างเหลือเฟือเพียงพอ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นชาวบ้านที่ไม่ฟังใคร ไม่สนใจประเพณี กติกาชุมชน ก็ต้องส่งให้กฏหมายบ้านเมืองดูแลต่อไป ส่วนชุมชนจะไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูป่าในวันที่ 13 เมษายนที่จะถึงนี้ด้วย