ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ไฟไหม้ป่าเชียงใหม่ยังรุนแรง แม้ จนท.ระดมกำลังดับแทบไม่ได้หยุด ล่าสุดดาวเทียมตรวจพบจุดความร้อน 571 จุด ผู้ว่าฯ เรียกประชุมด่วน 5 อำเภอปัญหาหนัก เจอหลายจุดเผาป่าในพื้นที่ผ่อนผันให้ทำกิน สั่งดำเนินคดีผู้ครอบครองเด็ดขาด
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (3 เม.ย. 63) กำลังพลจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 33 จำนวน 30 นาย สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันดับไฟป่าที่ลุกไหม้อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยขึ้นอีกครั้ง บริเวณหลังสำนักสงฆ์บ้านขุนช่างเคี่ยน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้และลุกลามไปจนถึงกลางดึก โดยต้องใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมไฟไว้ได้ แต่ยังคงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไว้เพื่อป้องกันการลุกลาม
ขณะที่ในช่วงเช้าวันนี้ดาวเทียมเวียร์ตรวจพบจุดความร้อนในจังหวัดเชียงใหม่พุ่งสูงขึ้นถึง 571 จุด ซึ่งนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมตัวแทน 5 อำเภอที่มีจุดความร้อนสูงที่สุด ผ่านระบบ Video Conference ประกอบด้วย อำเภอแม่แจ่ม 77 จุด, เชียงดาว 75 จุด, แม่แตง 60 จุด, จอมทอง 57 จุด และอำเภออมก๋อย 52 จุด เพื่อให้ชี้แจงสาเหตุของจุดความร้อนรวมทั้งการดำเนินการแก้ไข โดยพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของทั้ง 5 อำเภอเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชันยากต่อการเข้าถึง แต่ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ผ่อนผันให้เป็นที่ดินทำกิน และเป็นพื้นที่ป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จึงสั่งการให้เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่ครอบครองพื้นที่ดังกล่าว เพราะได้มีการทำความเข้าใจและแบ่งพื้นที่กันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมทั้งได้กำชับให้ปรับแผนการดำเนินการ เน้นสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และใช้มาตรการทางกฎหมายควบคู่กันไปเนื่องจากเป็นช่วงเผาและปิดป่าห้ามเข้าป่าโดยเด็ดขาดแล้ว เพราะหากสร้างการรับรู้เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวบ้านได้ ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายทำให้เกิดความเกรงกลัวและไม่กล้ากระทำอีก และในบางพื้นที่ขอให้ประสานไปยังผู้นำจิตวิญญาณที่เป็นผู้ทำพิธีกรรมต่างๆ ให้ช่วยทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังขอให้นำเทคโนโลยี Google Map หรือ Google Earth สร้างความเข้าใจกับชาวบ้านว่าขณะนี้สามารถตรวจเช็กจุดเกิดไฟได้ทั้งหมด แม้ว่าจะลักลอบเผาในพื้นที่ใดหรือแม้แต่เหลี่ยมเขาเพื่อให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเผา และขอให้ใช้ชุดลาดตระเวนหมู่บ้านให้เป็นประโยชน์ทั้งในการลาดตระเวน ช่วยดับไฟ สร้างความตระหนักรู้ ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมสนับสนุนกำลังปฏิบัติงานในทุกส่วน โดยเฉพาะในเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีด้วย