นครสวรรค์ - เพื่อนบ้านสงสารจับใจ..สาวพิการแขนนั่งรถไฟข้ามจังหวัดจากปากน้ำโพชิงทอง 1 สลึงกลางเมืองพิษณุโลก เผยชะตาชีวิตถูกเครื่องจักรโรงงานตัดแขน แฟนทิ้ง ต้องหอบลูก 2 กลับบ้าน แถมป่วยทางจิตขอทานเลี้ยงครอบครัว
กรณีนางวิไลลักษณ์ อายุ 42 ปี สาวพิการข้อมือขวาขาด ชาว อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ถูกจับกุมแบบทันควันเมื่อวันที่ 1 เม.ย. หลังจากนั่งรถไฟเดินทางไป อ.เมืองพิษณุโลก แล้วก่อเหตุวิ่งราวสร้อยทองหนัก 1 สลึง 1 เส้น จากร้านห้างทองจงลักษณ์ และหกล้มหัวคะมำระหว่างหนี ก่อนที่พลเมืองดีแถวนั้นจะช่วยกันจับตัวส่งตำรวจไว้ได้
นางวิไลลักษณ์ให้การรับสารภาพ พร้อมกับระบุว่าตนเองเป็นขอทาน และมีลูก 2 คนที่ต้องหาเลี้ยงทุกวัน แต่เนื่องจากช่วงนี้ขาดรายได้ จึงตัดสินใจนั่งรถไฟข้ามจังหวัดมาก่อเหตุวิ่งราวทอง หวังนำไปขายนำเงินไปประกอบอาชีพขายผักเลี้ยงครอบครัว จนทำให้ผู้ใจบุญหลายคนที่ติดตามข่าวเกิดความสงสาร ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอประกันตัวนางวิไลลักษณ์ รวมถึงมีความประสงค์จะให้การช่วยเหลือครอบครัวของนางวิไลลักษณ์ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักอาศัยของนางวิไลลักษณ์ ผู้ต้องหาวิ่งราวสร้อยคอทองคำร้านห้างทองจงลักษณ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ต.ดอนคา อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ พบว่าเป็นบ้านก่อสร้างด้วยอิฐบล็อกชั้นเดียว สภาพเก่า หลังคาผุพัง และภายในบ้านมีบุตรชายวัย 15 ปี และบุตรสาววัย 13 ปี พักอาศัยอยู่
สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายภูผา บุตรชายคนโตของนางวิไลลักษณ์ บอกว่าตกใจที่เห็นข่าวแม่เป็นคนร้ายไปวิ่งราวร้านทองที่พิษณุโลก ไม่คิดว่าแม่จะไปก่อคดีแบบนี้ เพราะที่บ้านถึงจะยากจนอย่างไรก็ไม่เคยมีนิสัยขี้ขโมยหรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แม้จะไม่เห็นด้วยที่ไปก่อเหตุแบบนั้น แต่นางวิไลลักษณ์ก็เป็นแม่ที่สู้ชีวิตหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียวมาโดยตลอด ตนยังรักแม่ไม่มีเปลี่ยนแปลง
ขณะที่เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างบอกตรงกันว่า นางวิไลลักษณ์เป็นคนที่น่าสงสารมาก และที่ผ่านมาชีวิตรันทดหนักจนถึงขั้นกลายเป็นผู้ป่วยทางจิต ต้องเข้ารับการรักษาและกินยาของโรงพยาบาลจิตเวชมานานหลายปี
นางกนกวรรณ แป้นเพชร เพื่อนบ้านคนหนึ่ง และเป็นผู้ดูแลครอบครัวของนางวิไลลักษณ์ ระบุว่า นางวิไลลักษณ์อยู่บ้านหลังนี้กับพ่อแม่มาตั้งแต่เกิด จนกระทั่งมีสามี จึงได้พากันไปทำงานอยู่โรงงานที่กรุงเทพฯนานหลายปี ซึ่งชีวิตก็เหมือนไปได้ดี นางวิไลลักษณ์ทำงานเก็บเงินส่งให้พ่อแม่ทุกเดือน แต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุถูกเครื่องจักรโรงงานตัดข้อมือขาดกลายเป็นผู้พิการ ซ้ำร้ายถูกสามีทิ้งหลังจากกลายเป็นผู้พิการ ซึ่งขณะนั้นมีบุตรด้วยกัน 2 คนแล้ว
หลังจากนางวิไลลักษณ์กลายเป็นม่ายลูกติด แถมยังเป็นผู้พิการ ได้ตัดสินใจหอบลูกทั้งสองกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดร่วมกับพ่อและแม่ รับจ้างเก็บผักตามหมู่บ้านและขายพวงมาลัยเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นคนที่ขยันมาก แต่สุดท้ายโชคชะตาก็ขีดให้พ่อกับแม่ต้องตายจากไปอีก ทำให้นางวิไลลักษณ์ทุกข์ใจอย่างหนัก ประกอบกับเป็นสาวพิการที่มีขีดจำกัดในการทำงาน จึงทำให้เกิดความเครียดหนักจนถึงขั้นต้องเป็นผู้ป่วยจิตเวช และต้องกินยามาตลอด
ถึงแม้ชีวิตจะทุกข์มากแค่ไหน นางวิไลลักษณ์ก็ยังดิ้นรนสู้ หารายได้มาเลี้ยงดูลูกทั้งสองเพียงลำพัง โดยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานางวิไลลักษณ์ได้ผันตนเองไปเป็นขอทานตามตลาดนัดในหลายอำเภอ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะไปก่อเหตุถึงขนาดนั่งรถไฟข้ามจังหวัดไปวิ่งราวร้านทองตามที่ปรากฏในข่าว จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตกใจกันหมด ทั้งที่คนในหมู่บ้านแห่งนี้รักและคอยให้ความช่วยเหลือครอบครัวของนางวิไลลักษณ์มาตลอด
“หลังเกิดเรื่องก็ได้มีการสอบถามบุตรของนางวิไลลักษณ์ และทราบว่าเจ้าตัวไม่ได้กินยารักษาอาการทางจิตมา 2 วัน จึงอาจเป็นไปได้ว่าน่าจะทำให้เกิดอาการกำเริบจนไปก่อเหตุ”