กาฬสินธุ์ - “บำรุง คะโยธา” อดีตแกนนำสมัชชาคนจนแฉขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ให้นอมินีเปิดบัญชีรับเงินโอน สุดท้ายชาวบ้าน ร้านค้าที่ให้บริการรับโอนเงินหวิดถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมขบวนการค้ายาบ้า จี้เจ้าหน้าที่ตำรวจล้างบางยานรกจริงจัง
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่บ้านกุดตาใกล้ หมู่ 4 ต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ นายบำรุง คะโยธา อดีตแกนนำสมัชชาคนจน กล่าวว่า ในช่วงนี้ถึงแม้กระแสข่าวการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะยังมีความรุนแรง ขณะที่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามเข้มงวดกวดขันและกำหนดนโยบาย อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แต่ที่ยังเป็นประเด็นร้อน และเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมไทยคือการแพร่ระบาดของยาบ้า ที่นับวันจะกระจายและแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งปัญหาที่ติดตามมาคืออาชญากรรม ขโมยโจรชุกชุม การหย่าร้าง และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย
นายบำรุงกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาที่เกี่ยวเนื่องจากยาเสพติดที่พบเมื่อเร็วๆ นี้คือ ชาวบ้านที่ให้บริการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันหรือออนไลน์ ที่เกือบถูกดำเนินคดีข้อหามีส่วนร่วมในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติด้วย ซึ่งกรณีดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับคนในหมู่บ้านที่รับบริการโอนเงินออนไลน์ ก่อนที่บัญชีจะถูกอายัดและไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องเสียเวลาไปให้ปากคำและชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 มีชาวบ้านรายหนึ่งมาขอความช่วยเหลือจากตน โดยให้พาไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด เนื่องจากบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งถูกอายัด จากการสอบถามทางธนาคารทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพนทองเป็นผู้แจ้งอายัด โดยระบุว่าตนได้โอนเงินให้บุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ทำให้ชาวบ้านเกิดความกลัว เป็นกังวลว่าตนจะมีความผิดด้วย จึงขอร้องให้พาไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
นายบำรุงกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อไปถึง สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด พบชาวบ้านประมาณ 100 คนที่เดินทางมาจากหลายพื้นที่ ซึ่งมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องเดียวกัน คือบัญชีเงินฝากธนาคารถูกอายัด และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าโอนเงินให้บุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งนี้ ชาวบ้านที่ตนพาไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นให้การว่าได้ให้บริการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันให้แก่ชาวบ้านใน อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ มาได้ระยะหนึ่ง เนื่องจากมีเงินฝากในบัญชีธนาคารที่สามารถโอนผ่านแอปฯ หรือพร้อมเพย์ ทั้งนี้เพื่อหารายได้เสริม
โดยคิดค่าบริการตั้งแต่ 10-100 บาท ตามจำนวนเงิน เช่น หากโอน 5,000 บาท ค่าบริการ 50 บาท หรือหากโอน 10,000 บาท ค่าบริการ 100 บาท ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่เพื่อนบ้านที่ไม่ต้องเดินทางไปโอนเงินตามเคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือธนาคารในตัวอำเภอ ก่อนที่บัญชีจะถูกอายัด เนื่องจากมีชาวบ้านที่เป็นเครือข่ายยาเสพติดมาใช้บริการโอนเงินผ่านบัญชีดังกล่าว ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.กาฬสินธุ์ เข้มงวดกวดขันในการกวาดล้างและล้างบางยาเสพติดอย่างจริงจังด้วยเนื่องจากแพร่ระบาดมาก
ด้านนางสาวชมพู (นามสมมติ) กล่าวว่า สาเหตุที่บัญชีเงินฝากของตนถูกอายัด เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่ามีบุคคลหนึ่งที่ตนโอนเงินให้โดยผ่านบัญชีตนนั้นมีส่วนพัวพันกับยาเสพติด โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวและดำเนินคดี ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางเดินของเงินผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่พบว่าได้โอนผ่านบัญชีของตน จึงทำให้ตนเข้าข่ายมีส่วนร่วมในขบวนการค้ายาเสพติดด้วย
นางสาวชมพูกล่าวอีกว่า ตนเป็น 1 ในจำนวน 100 คนที่ไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพนทอง โดยยืนยันในความบริสุทธิ์ของตน ซึ่งในการให้บริการโอนเงินนั้นเพื่อหารายได้เสริมเข้าครัวเรือน โดยมีชาวบ้านในพื้นที่มาใช้บริการ ทั้งชำระค่าสินค้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ส่งเงินให้ลูก สำหรับตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับผู้ต้องหาหรือบุคคลที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยหลังจากไปแสดงตัวและชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพนทองแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เข้าใจ ซึ่งจะได้แจ้งถอนอายัดให้
พร้อมให้คำแนะนำว่า ต่อไปนี้หากจะให้บริการโอนเงินกับใคร ให้ผู้มาขอใช้บริการแสดงบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมบันทึกภาพและลงรายละเอียดด้วยว่าโอนให้ใคร หากมีการตรวจสอบภายหลังก็จะสามารถติดตามเส้นทางเงินได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีดังกล่าวทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขบวนการค้ายาเสพติดได้ให้นอมินีเปิดบัญชีรอรับเงินที่เครือข่ายยาบ้าโอนให้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนวิธีซื้อขายยาบ้า จากยื่นหมูยื่นแมวที่อาจจะถูกเจ้าหน้าที่ล่อซื้อและตรวจจับได้ง่าย จากนั้นพอโอนเงินสำเร็จก็จะโทร.นัดหมายกันส่งยาบ้าเพื่อเป็นการหลบหลีกการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ จึงอยากจะให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่รับบริการโอนเงินด้วย จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด หรือเกือบตกเป็นผู้ต้องหาเหมือนที่ตนประสบในครั้งนี้