กาฬสินธุ์-ชาวบ้านใน ต.กุดสิม อ.เขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้องให้ตรวจสอบงบจัดทำหน้ากากอนามัยแจกชาวบ้านของเทศบาลตำบลกุดสิม เนื่องจากใช้ผ้าสารูหรือผ้าน้ำขาว ที่มีขนาดบางไม่ได้มาตรฐานและไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคไวรัสโควิด19 ได้
ภายหลังมีรายงานกระแสในโลกโซเชียล เรียกร้องให้ตรวจสอบ การใช้งบประมาณของเทศบาลตำบลกุดสิม อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ กรณีการทำหน้ากากอนามัย เพื่อแจกจ่ายประชาชน ที่ระบุว่าหน้ากากอนามัยไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีความบางกว่าผ้าอนามัยเสียอีก ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดยนางดอกไม้ จ้องสระ อายุ 50 ปี บ้านกุดสิม หมู่ที่ 10 ตำบลกุดสิม อำเภอเขาวง และ เป็น อสม.ประจำหมู่บ้านเปิดเผยกับทีมข่าวกรณีมีคนโพสต์ในโลกโซเชียล เกิดขึ้นในเทศบาลตำบลกุดสิม เป็นปัญหาการร้องเรียนหน้ากากอนามัย ซึ่งเทศบาลตำบลกุดสิม จัดหางบประมาณมาให้ อสม. ช่วยกันทำ
แต่เมื่อทำออกมาแล้ว หน้ากากอนามัยบางกว่าผ้าอนามัยเสียอีก เพราะได้ใช้ผ้าสารูหรือผ้าน้ำข้าว ผ้าอ้อมเด็กชนบท ที่มีคุณลักษณะบางเป็นตาข่ายชั้นเดียวมาทำหน้ากาก ซึ่งไม่มีมาตรฐาน
นางดอกไม้ เล่าอีกว่า หลังจากช่วยกันเย็บหน้ากากเรียบร้อยประมาณวันที่ 20 มีนาคม เทศบาลฯให้ อสม.ไปแจก มีบางคนที่ไปแจกและตนกับหลายคนก็ไม่กล้าแจก เพราะแจกไปก็ถูกชาวบ้านต่อว่าแน่นอน และก็เป็นความจริงเพราะมีการโพสต์ในเฟซบุ๊ก ส่งต่อกันในไลน์ เพราะมันมีความบางมากๆ จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบด้วย
สำหรับเทศบาลตำบลกุดสิม มี 25 หมู่บ้าน ประชากรกว่าสี่พันคน อยู่ในเขตรอยต่อเทือกเขาภูพานและเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทย
แหล่งข่าวระบุว่า กรณีนี้ต้องการให้ทุกจังหวัดโดยเฉพาะผู้ว่าฯ จัดทีมตรวจสอบการบริหารงบประมาณในสถานการณ์ฉุกเฉินของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกท้องที่ เพราะความหวาดกลัวโรคไข้หวัดโคโรนาหรือโควิด19 เป็นโรคที่เชื้อแพร่ระบาดมองไม่เห็นและนับวันจะรุนแรงมากขึ้น และทางกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นระเบียบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้งบประมาณแก้ปัญหา
แต่กลับพบว่ามีการทุจริตจัดทำหน้ากาก และอีกปัญหาที่ชาวบ้านสงสัย คือกรณีการใช้เงินซื้อน้ำยาเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา ที่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งได้จัดซื้อน้ำยาและทำการฉีดฆ่าเชื้อที่ดูเหมือนว่าน้ำยาและอุปกรณ์ที่ใช้จะไม่มีมาตรฐานในการกำจัดเชื้อโรคไวรัสโคโรนาเช่นกัน
