ตาก - ต้องผ่อนปรนเปิดด่านฯ แม่สอด-เมียวดี วันที่สี่..คลื่นแรงงานพม่าทะลักเบียดเสียด-ไม่สวมหน้ากาก รอข้ามแดนล้นด่านต่อเนื่อง บางส่วนลอบข้ามน้ำเมยไม่ผ่านจุดคัดกรองโควิด-19 จนต้องสกัดจับวุ่น แถมเจอชาวปากีฯ มาแม่สอดติดเชื้อจนชาวบ้านผวากันทั่ว
ตั้งแต่เช้าวันนี้ (26 มี.ค.) บริเวณประตูหน้าด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 ติดเชิงสะพานมิตรภาพไทย-พม่าแห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก ยังคงมีแรงงานพม่าหลายพันคนมายืนรอเบียดเสียดกันเพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านฯ เปิดประตูด่านถาวรแม่สอด 2 เพื่อข้ามฝั่งกลับบ้านเกิดในพม่า หลังจากทางการปิดด่านพรมแดนแม่สอดมาแล้ว 4 วัน และวันนี้ได้เริ่มใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นวันแรก ซึ่งแรงงานแต่ละคนต่างมายืนรวมตัวกันแบบแออัดและยืนแบบประชิดตัวกันเพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดนแม่สอดเปิดประตูด่านพรมแดนระหว่างประเทศจนเกิดความชุลมุน
ทั้งนี้ แรงงานพม่าส่วนใหญ่มีสภาพอิดโรยจากการเดินทางไกล และอพยพหนีโรคโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนเกิดชุลมุนขึ้นบริเวณหน้าด่าน ทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทั้งไทยและประเทศพม่าจึงมีมติผ่อนปรนให้เปิดประตูด่านพรมแดนถาวรทั้งสองประเทศเป็นครั้งที่ 4 เพื่อเร่งระบายคลื่นแรงงานพม่าที่ทุกคนต่างอยากข้ามด่านพรมแดน
ต่อมาประตูด่านพรมแดนถาวรแม่สอดฝั่งไทยจึงเปิดให้แรงงานเดินทางข้ามด่านพรมแดน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นเนื่องจากแรงงานหลายคนไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และหลายคนพยายามไม่เข้าแถว มีการแซงคิวจนยื้อแย่งดันกันไปมา จนเจ้าหน้าที่ต้องออกประกาศกฎเหล็กจะไม่อนุญาตให้แรงงานคนใดที่ไม่เข้าแถวและไม่สวมหน้ากากป้องกันข้ามด่านพรมแดนอย่างเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องเสริมกำลังด่วนไปตั้งจุดคัดกรองและรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วพื้นที่แนวชายแดนไทย-พม่า หลังพบมีกลุ่มแรงงานหลายสิบคนพยายามจะลักลอบข้ามชายแดนไทยไปฝั่งประเทศพม่าโดยไม่ผ่านจุดตรวจคัดกรอง ณ จุดผ่านแดนถาวร
ส่วนในเขตเทศบาลนครแม่สอด หลังตรวจพบนักธุรกิจหนุ่มค้าส่งรถมือสองระหว่างประเทศชาวปากีสถาน ซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศเข้ามาพักอาศัยในแม่สอดติดเชื้อโควิด-19 นอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องแยกเชื้อพิเศษโรงพยาบาลแม่สอด ทำให้ชาวบ้านทั่วชายแดนจังหวัดตากต่างวิตกกังวลหวั่นมีการแพร่ระบาย
ล่าสุดชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในทุกหมู่บ้านชายแดนต่างเร่งตั้งจุดตรวจคัดกรอง-จุดสกัดตรวจคนเข้าออกทุกหมู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง และเช้ามืดที่ผ่านมาชาวบ้านทั้ง 20 ชุมชนในเขตเทศบาลนครแม่สอด ได้ร่วมกันทำความสะอาดฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในทุกจุดกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากพื้นที่แม่สอดมีกลุ่มคนหลากหลายสัญชาติมาพักอาศัยรวมกันเป็นจำนวนมาก