กาฬสินธุ์ - หนุ่มใหญ่ชาวอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เผยพิษเชื้อร้ายโควิด-19 ชาวบ้านไม่กล้าออกจากบ้านตามมาตรการรัฐบาลร้องขอ ซ้ำมีคนกักตัวเอง 14 วันจำนวนมากทำให้ขายอาหารเร่ด้วยรถพุ่มพวงตามหมู่บ้านต่างๆ ได้มากขึ้นวันละกว่า 2,000 บาท
ผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดมีผู้ติดเชื้อกระจายไปในจังหวัดต่างๆ และมีอีกจำนวนไม่น้อยที่กลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพราะนายจ้างปิดกิจการตามมาตรการของรัฐบาล และคนกลุ่มนี้ต้องกักตัวเองเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน ขณะที่ประชาชนทั่วไปก็ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ
ในส่วนของร้านค้า ร้านอาหารก็ไม่สามารถให้ลูกค้าเข้าไปนั่งรับประทานในร้านได้ ต้องซื้อกลับบ้านเท่านั้น วิกฤตปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้หลายอาชีพมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแกร็บฟู้ด และพ่อค้าเร่ตามหมู่บ้าน
นายสมุทร ปรางชัยภูมิ อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 2 หมู่ 6 บ้านนาแก ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นอีกคนหนึ่งที่มีรายได้เลี้ยงครอบครัวจากอาชีพเร่ขายอาหารสด ทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ลูกชิ้น ผัก ผลไม้ หลากหลายชนิด แพกถุงพ่วงใส่รถจักรยานยนต์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “รถพุ่มพวง” ออกเร่ขายตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นโอกาสทองของเขาที่จะขายอาหารแพกเพิ่มมากขึ้น
นายสมุทรเล่าว่า ตนจะไปหาซื้อวัตถุดิบประเภทอาหารสดในตลาดสดในตัวเมืองกาฬสินธุ์มาแพกใส่ถุงหูหิ้วพลาสติกขี่มอเตอร์ไซค์ออกเร่ขายตามหมู่บ้านต่างๆ ในเขต ต.นาเชือก ต.บัวบาน ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด ซึ่งอยู่ห่างไกลตัวเมือง เพื่อหารายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว มีรายได้ประมาณวันละ 1,000 บาท มีลูกค้าขาประจำและขาจรแล้วแต่จังหวะ
“ราวๆ เที่ยงคืนต้องตื่นนอนออกไปตลาด เลือกซื้อผักซื้อเนื้ออะไรต่อมิอะไรที่คิดว่าสามารถทำเป็นอาหารได้ หลังจากนั้นก็กลับมานั่งแพกใส่ถุง ถึงรุ่งเช้าก็ตระเวนขายให้ลูกค้าตามหมู่บ้านต่างๆ ขายถุงละสิบบาทยี่สิบบาท” หนุ่มใหญ่พ่อค้าเร่กล่าว และบอกว่า
ช่วงนี้กระแสการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ดังมาก ทำให้ประชาชนทั่วไปตามบ้านนอกเกิดการตื่นตัว ระมัดระวัง ไม่ค่อยจะออกไปจับจ่ายซื้ออาหารการกินตามตลาดชุมชน แม้แต่ตลาดนัดและตลาดสดก็ไม่อยากไปกัน ทางจังหวัดก็ประกาศควบคุมพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวัง และเป็นช่วงที่ประชาชนที่ไปขายแรงงานที่กรุงเทพฯ ได้เดินทางกลับบ้าน และกักกันบริเวณให้อยู่บ้านถึง 14 วัน
ตนจึงอาศัยช่วงจังหวะนี้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ไปรับซื้ออาหารสดเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 เท่าตัว แต่ยังขายในราคาปกติ และปริมาณเท่าเดิม เริ่มตั้งแต่ 10-20 บาท ทำให้มีรายได้ในช่วงนี้ถึงวันละ 2,000 บาท แต่ตนจะไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาแน่นอนเพราะเห็นอกเห็นใจคนหาเช้ากินค่ำด้วยกัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ฐานะยากจน หลายคนว่างงานเพราะสถานประกอบการปิดกิจการ
อย่างไรก็ตาม การที่ตนไปซื้ออาหารวัตถุดิบต่างๆ ในตลาดสดแต่ละวันนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นโดยสวมหน้ากากทุกครั้ง