เชียงใหม่ - มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งเครื่องบำบัดอากาศฯ ติดตั้งในเชียงใหม่ 4 เครื่อง ดีเดย์เดินเครื่องพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) เป็นต้นไป แก้มลพิษ-PM 2.5 บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
วันนี้ (11 มี.ค.) นาวาเอก อรรถสิทธิ์ พงษ์เกษตร์กรรม์ ผู้อำนวยการโรงเรียนช่าง กรมอู่ทหารเรือ ในฐานะคณะทำงานโครงการสร้างเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 (ต้นแบบ) ได้ชี้แจงขั้นตอนการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาเครื่องบำบัดอากาศฯ ให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่
หลังมีการนำเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 (ต้นแบบ) ของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 4 เครื่อง ที่ได้ติดตั้งอยู่บริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพมหานคร มาติดตั้งที่ลานประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้เริ่มเปิดใช้งานวันนี้เป็นวันแรก เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนชาวเชียงใหม่ที่กำลังประสบปัญหา PM 2.5 เกินมาตรฐาน
สำหรับเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ต้นแบบ จัดสร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีความห่วงใยในปัญหาสุขภาพของประชาชน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ คิดหาแนวทางควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาของรัฐบาล
โดยให้คณะทำงานโครงการสร้างเครื่องบำบัดฝุ่น PM 2.5 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และกรมควบคุมมลพิษ พัฒนาต่อยอดเป็นงานวิจัยโดยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในประเทศ และใช้หลักการทำงานคือบำบัดอากาศในช่วงความสูงที่ 3-5 เมตร ซึ่งเป็นความสูงในระดับที่คนอยู่อาศัย ไม่ต้องบำบัดทั้งหมด โดยจะเดินเครื่องพร้อมกันทั้ง 4 เครื่อง ระหว่าง 05.00-21.00 น. ทุกวันตั้งแต่พรุ่งนี้ (12 มี.ค.) เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์ปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่จะเข้าสู่สภาวะปกติ
ดร.ธงชัย เมธนาวิน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ โครงการสร้างเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 (ต้นแบบ) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และกรมควบคุมมลพิษร่วมกันเก็บข้อมูลเพื่อวิจัยและต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศฯ ซึ่งได้ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในประเทศ และผลิตโดยช่างไทย โดยใช้งบประมาณไม่เกิน 3 แสนบาทต่อเครื่อง ทั้งนี้ ตั้งเป้าภายใน 2-3 ปีนี้จะพัฒนาให้การทำงานของเครื่องมีประสิทธิภาพการทำงานสูงยิ่งขึ้น เพื่อแก้ปัญหามลพิษของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป