xs
xsm
sm
md
lg

รอดาวเทียมผ่านแล้วจุด! เชียงใหม่ยังเผาไม่บันยะบันยัง..มลพิษพุ่งติดอันดับโลกซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ ตั้งศูนย์บัญชาการฯ ส่วนหน้าเชียงดาว เปิดปฏิบัติการ “Set Zero” ปูพรมสกัดไฟป่าทั้งภาคพื้นดิน-อากาศแก้หมอกควัน พบมือเผารอดาวเทียมผ่านก่อนจุดไฟ จน Hot Spot โผล่เขตป่าอนุรักษ์เพิ่ม-มลพิษพุ่งติดอันดับโลกซ้ำ


วันนี้ (9 มี.ค.) ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง จ.เชียงราย รายงานว่า ช่วงเช้านี้พบจุด Hotspot จำนวน 136 จุด อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 50 จุด ป่าอนุรักษ์ 80 จุด เขต ส.ป.ก. 6 จุด วานนี้ (8 มี.ค.) พบ 218 จุด ในพื้นที่ 21 อำเภอ 47 ตำบล อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 55 จุด ป่าอนุรักษ์ 157 จุด เขต ส.ป.ก. 2 จุด เขตชุมชนและอื่นๆ 4 จุด และเมื่อ 7 มี.ค.พบจุดความร้อนจากการเผาป่า 240 จุด โดยเฉพาะพื้นที่ อ.แม่แตง ใกล้เขื่อนแม่งัด พบมีการจุดไฟเผากันเป็นจำนวนมากจนควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว

อย่างไรก็ตาม Hot Spot ที่ดาวเทียมตรวจพบดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากหลายพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าอนุรักษ์-ป่าสงวนแห่งชาติที่พบ Hot Spot มากกว่าพื้นที่ชุมชนนั้นมีการเลือกช่วงเวลาการเผา โดยรอให้ดาวเทียมโคจรผ่านก่อนจึงลงมือจุดไฟ คือหลังตี 5 และหลังบ่าย 3 โมงของแต่ละวัน ทำให้สถิติจุดความร้อนที่ปรากฏต่ำกว่าหลายปีที่ผ่านมาอย่างน่าสังเกต


เพราะในขณะที่พบจุดความร้อนในเชียงใหม่เพียง 100 กว่าจุดนั้น แต่คุณภาพอากาศ-ค่ามลพิษของเชียงใหม่กลับพุ่งขึ้นสูงจนติดอันดับโลกซ้ำอีก โดยเช้าวันนี้เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีอากาศแย่ที่สุดในลำดับที่ 5 ของโลก

อย่างไรก็ตาม สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เรียกประชุมคณะทำงานของศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ โดยด่วน เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อน

โดยเฉพาะบริเวณดอยหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ที่สอบแล้วเกือบทั้งหมดเกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และยังมีการลุกลามจากจุดเดิมเนื่องจากเป็นป่าที่มีสภาพแห้งแล้ง มีเศษกิ่งไม้ ใบไม้แห้งทับถมกันในพื้นที่ป่าจำนวนมาก และกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้ติดไฟง่ายและลุกลามไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งพื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นภูเขาสูง ยากต่อการที่หน่วยดับไฟภาคพื้นดินจะเข้าถึงได้ ต้องใช้การเดินทางเท้าเข้าพื้นที่จุดเกิดเหตุ จึงควบคุมไฟได้ด้วยความยากลำบาก


จากการวิเคราะห์ลักษณะการเกิดจุดความร้อนที่ผ่านมา มักจะเกิดขึ้นในตอนกลางคืนในวันหยุดมากเป็นพิเศษ และจะเกิดไฟในช่วงบ่ายยาวไปถึงกลางคืนเกือบทุกวัน โดยจังหวัดจะส่งกำลังเข้าไปสับเปลี่ยนหมุนเวียน เนื่องจากต้องฝังตัวค้างแรมอยู่ในป่า รวมทั้งต้องนำกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วออกตรวจลาดตระเวนเพื่อปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายลักลอบเผาป่า ที่ทำงานติดต่อกันมา 5 วันแล้วทำให้เกิดความเหนื่อยล้า

พร้อมกันนั้น ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ (ส่วนหน้า) ในค่ายพิชิตปรีชากร กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว เพื่อปฏิบัติการ “Set Zero” ในวันที่ 9-10 มี.ค.นี้


โดยจะระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ประกอบด้วย กำลังทหาร เยี่ยวไฟ เสือไฟ เจ้าหน้าที่ปกครอง ชุดปฏิบัติการดับไฟจาก อบจ.เชียงใหม่ อปพร. ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในหมู่บ้านที่เกิดไฟ สนธิกำลังเข้าไปดับไฟใน 4 พื้นที่ ได้แก่ 1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว (ดอยหลวงเชียงดาว) 2. อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ต.ปิงโค้ง 3. อุทยานแห่งชาติผาแดง ต.เมืองนะ และ 4. อ.ไชยปราการ

พร้อมทั้งขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำอากาศยานเข้าไปช่วยดับไฟในพื้นที่ที่กำลังพลภาคพื้นดินเข้าไม่ถึง และประสานใช้จิตอาสาร่มบินบินสำรวจและชี้จุดที่เกิดความร้อนทางอากาศ ก่อนให้เจ้าหน้าที่เข้าสกัดและตรวจสอบไฟที่กระจายเป็นจุดๆ เนื่องจากที่ผ่านมามักจะเกิดไฟในจุดเดิมแล้วลุกลามเป็นวงกว้าง ต้องดับให้สนิททั้งหมดก่อนจะถอนกำลังออกมา และสั่งการให้อำเภอเชียงดาว อปท.เตรียมพร้อมสนับสนุนในสิ่งที่ส่วนแยกร้องขออย่างเต็มกำลัง


กำลังโหลดความคิดเห็น