ผู้จัดการออนไลน์ - เกษตรกรและผู้ประกอบการ หวั่นยุทธศาสตร์พลังงาน “Energy For All พลังงานเพื่อทุกคน” ไม่ถึงเป้าหมาย หลังมีกระแสปรับ ครม. โยก “สนธิรัตน์” พ้น รมว.พลังงาน ทำโรงไฟฟ้าชุมชนปาล์มน้ำมันสะดุด
หลังจากที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศนโยบาย “Energy For All พลังงานเพื่อทุกคน” ซึ่งเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์คนไทยทุกคน สามารถยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ตระหนักถึงภาระประชาชน ไม่ให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ทั้งแบ่งเบาภาระประชาชนด้วยการลดราคาน้ำมันในกลุ่มน้ำมันดีเซล ทำให้ดีเซล B10 ถูกว่าน้ำมันดีเซล B7 อยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซล B20 จะถูกกว่าน้ำมันดีเซล B7 อยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร กำหนดให้ทุกปั๊มทั่วประเทศจำหน่าย B10 เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา
นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ จะสามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ แก้ปัญหาความยากจนให้แก่ชุมชนทั่วประเทศได้ กระทรวงพลังงานได้กำหนดโมเดลเพื่อแก้ปัญหาความยากจนของชุมชนรอบโรงไฟฟ้าจะไปก่อสร้าง คาดว่าจะมีเงินลงทุน 7-8 หมื่นล้านบาท ลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนยังจะมีรายได้จากส่วนแบ่งจาการขายไฟฟ้า และขายวัตถุดิบป้อนโรงไฟฟ้าด้วย ตามกำหนดถ้าไม่มีการปรับ ครม. จะมีการเปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอให้มีการคัดเลือกภายในเดือนมีนาคม 2563 นี้
นายผจญ ศรีบุญเรือง นายกสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย เปิดเผยว่าโรงไฟฟ้าชุมชนภายใต้การนำของนายสนธิรัตน์ กำลังเดินมาถูกทางและใกล้จะสำเร็จแล้ว เพราะได้ผู้มีความรู้ความเข้าใจมาขับเคลื่อนนโยบาย แต่ถ้าปรับ ครม. แล้วนายสนธิรัตน์ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง รมว.พลังงานต่อไป ตนคิดว่าโรงไฟฟ้าชุมชนไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะคนมาใหม่คงไม่เข้าใจการทำงานกับชุมชน แตกต่างจาก รมว.พลังงาน คนปัจจุบันที่คลุกคลีทำงานกับมวลชนมายาวนานมาก
ด้าน น.ส.จุติมา เจือโว้น ตัวแทนสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 5.40 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ขายอยู่ที่ 4.40 บาทต่อกิโลกรัม นับเป็นข่าวดีของเกษตรกรชาวสวนปาล์ม เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ในอดีตราคาจะตกต่ำมากเมื่อถึงฤดูผลผลิตออกสู่ตลาด
“เมื่อได้ข่าวว่า รมว.พลังงาน อาจถูกปรับออกจากตำแหน่ง กังวลว่าราคาปาล์มน้ำมันจะตกต่ำเหมือนที่ผ่านมา ใจจริงไม่อยากให้ท่านไป เพราะท่านเข้าใจเกษตรกร สามารถแก้ปัญหาได้ถูกทางตามที่เราต้องการ ทุกนโยบายสามารถแก้ปัญหาราคาปาล์มได้ถูกต้อง”
ด้าน นายมะแอ สะอะ ประธานกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชนศิริมงคลปัตตานี บ้านท่าน้ำ ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้ลงนามความร่วมมือ MOU กับภาคเอกชนเตรียมยื่นเสนอโรงไฟฟ้าชุมชน ขนาด 3 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ตำบลท่าน้ำแล้ว ถ้าปรับ ครม.ก็ยังอยากให้ รมว.พลังงาน คนเดิมทำงานต่อไป เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้า 10% สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ แก้ปัญหาความยากจนให้ชุมชน ถ้าประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นจะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้
ด้าน น.ส.สุจารี ธนสิริธนากร ประธานวิสาหกิจชุมชนปันบุญ “บ้านดอนแคน” ต.ฆ้องชัยพัฒนา อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้ปลูกพืชผักอินทรีย์แบบครบวงจร ต้องการขยายปริมาณการปลูกผักให้เพียงพอต่อความต้องการตลาด แต่ประสบปัญหาต้นทุนขุดเจาะน้ำบาดาลสูบน้ำขึ้นมารดผัก จึงของบโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร จากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
หลังเคยนำเสนอโครงการนี้ต่อท่านสนธิรัตน์ เมื่อมาลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับ ครม. ถ้านายสนธิรัตน์ ไม่อยู่ผลักดันโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยเหลือเกษตรกร คิดว่าโครงการไม่น่าจะได้รับการสนับสนุน อยากจะให้อยู่ในตำแหน่งนี้ช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป