บุรีรัมย์ - ลูกสาวตาวัย 80 ปีบุรีรัมย์ยันไม่ได้ทอดทิ้งและไล่พ่อออกจากบ้าน พร้อมสาบานลูกทุกคนดิ้นรนทำงานส่งเงินดูแลพ่อทุกเดือน ชี้พ่อสร้างเรื่องเหตุไม่พอใจลูกไม่ให้เอาเงินไปให้หญิงสาวที่ไปติดพัน วอนสังคมเห็นใจ ขณะ ผญบ.เผยเป็นปัญหาพิพาทในครอบครัวเคยไกล่เกลี่ยหลายครั้ง
วันนี้ (27 ก.พ.) จากกรณีที่ คุณตาเที่ยง อายุ 80 ปี ชาวตำบลสะแกซำ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ให้ช่วยเหลือ โดยคุณตาให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อปี 2557 หลังจากภรรยาได้เสียชีวิตลง ก็เกิดปัญหาภายในครอบครัวเรื่องที่ดินมรดกที่เป็นชื่อของภรรยา โดยอ้างว่าหลังจากแบ่งสันปันส่วนโอนให้ลูกทั้ง 6 คนแล้ว ลูกไม่เหลียวแลและไล่ออกจากบ้านตัวเอง จนต้องไปปลูกกระต๊อบเล็กๆ อาศัยอยู่คนเดียว กระทั่งล่าสุดตาเที่ยง ผู้เป็นพ่อจะไปสูบน้ำออกเพื่อจับปลาในสระไปขาย แต่กลับถูกลูกต่อว่าห้ามไม่ให้สูบโดยอ้างว่าพ่อไม่มีสิทธิ์เพราะสระและที่ดินดังกล่าวเป็นของลูก จนเกิดการโต้เถียงกันรุนแรง ถึงขั้นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย ทำให้ลูกไม่พอใจจึงได้ตัดน้ำตัดไฟออกจากกระต๊อบที่พ่อปลูกอาศัยอยู่ปัจจุบัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงไปดูพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาท พบว่ามีบ้านอยู่ 3 หลัง หลังหนึ่งเป็นของพ่อที่เคยอาศัยอยู่กับแม่และลูกสาวคนโตตอนยังมีชีวิต ส่วนอีก 2 หลังเป็นของลูก ส่วนกระต๊อบก็ปลูกอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้าน ติดกับสระน้ำที่เกิดปัญหาพิพาท แต่ลูกๆ ของคุณตาไม่อยู่บ้านเพราะไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัด จึงได้โทรศัพท์สอบถาม นางเอ (นามสมมติ) ลูกสาวคนโต ซึ่งทำงานอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นว่า ลูกๆ ทุกคนไม่ได้ทอดทิ้งและไม่มีใครไล่พ่อออกจากบ้านตามที่พ่อร้องเรียนกล่าวหาเลย
แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหลังจากที่แม่เสียชีวิตเมื่อปี 2557 เริ่มมีปัญหาในครอบครัวเพราะพ่อมาขอเงินจากลูกๆ จะเอาไปขอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งพ่อไปติดพันอยู่ แต่ลูกเห็นว่าแม่เพิ่งเสียไปจึงไม่เห็นด้วยที่พ่อจะเอาเงินไปให้ผู้หญิงคนอื่น ลูกจึงไม่ได้ให้เงินพ่อไป ทำให้พ่อไม่พอใจและพยายามหาเรื่องลูกๆ มาตลอด แต่ลูกเห็นว่าเป็นพ่อจึงไม่ได้โกรธเคือง ดูแลพ่อมาตลอดตามกำลังของลูกแต่ละคนที่ทำงานรับจ้างหาเงินได้ และช่วงที่ไปทำงานต่างจังหวัดลูกๆ ก็ส่งเงินมาให้พ่อใช้ทุกเดือน โดยที่ให้หลานชายคอยดูแลตาอยู่ที่บ้าน
ลูกสาวยังยืนยันว่าไม่มีลูกคนไหนไล่พ่อออกจากบ้านตามที่พ่อกล่าวหา ส่วนที่พ่อไปอยู่ในกระต๊อบเพราะพ่ออยากไปอยู่เอง และบ้านที่ลูกสร้างไว้พ่อสามารถไปอยู่ได้ทุกหลัง ก็ไม่คิดว่าพ่อจะไปร้องเรียนกล่าวหาใส่ร้ายลูกๆ แบบนี้ ตอนนี้ลูกทุกคนเสียใจมากเพราะโดนกระแสโซเชียลมีเดียต่อว่าต่างๆ นานา อยากจะวิงวอนขอความเห็นใจจากสังคมด้วย
นางเอยังท้าสาบานด้วยว่าหากลูกๆ ไม่ดูแลพ่อจริงก็ขอให้มีอันเป็นไป แต่หากลูกดูแลเลี้ยงดูพ่อเป็นอย่างดีก็ขอให้เจริญรุ่งเรือง อยากจะขอร้องให้พ่อหยุดใส่ร้ายลูกเพราะไม่ได้เป็นความจริงเลย
ด้าน นายเฉลิม วนรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาพิพาทกันในครอบครัว และเรื่องที่ดินที่ผ่านมาทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนันไปไกล่เกลี่ยหลายครั้ง แต่ยังมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ ส่วนเรื่องที่คุณตาไปร้องเรียนว่าถูกลูกไล่ออกจากบ้านนั้นไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะถามพ่อพูดอย่างลูกบอกอีกอย่าง แต่ส่วนตัวในฐานะผู้ใหญ่บ้านอยากให้ทั้งพ่อและลูกได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันไม่อยากให้ทะเลาะกันเพราะอย่างไรก็พ่อลูกกัน หากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายเพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลาย