นครปฐม - ครู นักเรียนหลั่งน้ำตา ศธ.นครปฐมเพิกถอนใบอนุญาต โรงเรียนจารุวรรณวิทยา ปิดตำนานกว่า 60 ปี โรงเรียนริมน้ำนครชัยศรี หลังทายาทขัดแย้งเรื่องการบริหารงาน
หลังจากที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ได้มีหนังสือ ที่ ศธ 0274/402 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 63 ที่ลงนามโดยนายกนก ปิ่นตบแต่ง ศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม เรื่องการเพิกถอนใบอนุญาตโรงเรียนจารุวรรณวิทยา เลขที่ 30 ม.1 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งได้สร้างความผิดหวังให้แก่นักเรียน ครูผู้สอน และเจ้าหน้าที่กว่า 500 ชีวิต ซึ่งเพิ่งทราบข่าวไม่กี่วันก่อนที่จะมีการสอบปิดภาคเรียนที่ 2 ประจำปี 2562
เด็กๆ พยายามจะส่งสัญญาณไปถึงผู้บริหารและพยายามเรียกร้องโรงเรียนให้ดำเนินกิจการต่อไปท่ามกลางกระแสข้อมูลต่างๆ นานาที่มีการส่งต่อถึงกัน ความสับสนและความท้อแท้ได้เกิดขึ้นในโรงเรียนที่เป็นตำนานของผู้คนในชุมชน เนื่องจากโรงเรียนจารุวรรณวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนแห่งแรกของอำเภอนครชัยศรี ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี โดยตั้งอยู่ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี นานกว่า 60 ปี เป็นการนับถอยหลังในการปิดตัวลงท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้าน ผู้ปกครองในวงกว้างของชุมชนเก่าแก่ โดยเฉพาะในสังคมโซเชียลที่ได้มีการออกมาแสดงความเสียใจจากศิษย์เก่าและผู้ปกครองที่ยังตั้งตัวในการหาสถานที่เรียนใหม่ให้แก่บุตรหลานแบบไม่คาดคิดมาก่อน
โรงเรียนจารุวรรณวิทยา ถูกก่อตั้งโดย น.ส.จำรัส สิรสุนทร และพี่น้องที่เป็นสาวโสดอีก 3 คน รวม 4 คน เพื่อเปิดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก กระทั่งได้ถูกขยับขยายมาจัดตั้งให้เป็นโรงเรียนเอกชนตั้งแต่ปี 2500 ต่อมา ได้มีการจัดโอนให้แก่ น.ส.อรนุช สิรสุนทร หนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 โดยได้เปิดให้บริการในการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยดั้งเดิมนักเรียนที่จะมาเรียนที่โรงเรียนจารุวรรณวิทยา ต้องนั่งเรือยนต์และเรือพายข้ามฝั่งมาจากฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี ก่อนที่ยุคต่อมา จะมีการสร้างสะพานและถนนทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น และการเดินทางโดยทางเรือได้รับความนิยมลดลงและยกเลิกไปในที่สุด
ปัญหาดังกล่าวได้รับความสนใจมากขึ้นหลังจากมีผู้ใช้สังคมออนไลน์ ได้มีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวเพื่อแสดงความไว้อาลัยกับการถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งจะมีผลหลังมีการสอบปลายภาคเรียน ประจำปี 2562 ซึ่งจะครบกำหนดในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ โดยทั้งบุคคลภายนอกและภายในโรงเรียนได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดความขัดแย้งกันเองของเจ้าของโรงเรียนทั้ง 8 ครอบครัว ที่เกิดขึ้น
ดูเหมือนจะมีการเรียกประชุมผู้ปกครองและทางทายาทเจ้าของโรงเรียนมารับฟังความคิดเห็นจนเหมือนจะลงตัวแล้ว ได้สร้างความดีใจให้แก่นักเรียนที่ส่งเสียงเฮในที่ประชุมครู ผู้ปกครองและผู้บริหารมาแล้ว แต่สุดท้ายในไม่กี่วันต่อมาหลังจากการตกลงร่วมกัน ก็ได้มีการยกเลิกข้อตกลงในการบริหารงานของโรงเรียนต่อไป โดยทายาทที่มีการตกลงกันเมื่อวันที่ 26 มกราคม 63 ที่ผ่านมา ทำให้ผลสุดท้ายของทางออกทางสำนักคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้เสนอให้ศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ที่ได้เข้ามาควบคุมกิจการตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 62 ต้องจำใจออกหนังสือเพิกถอนใบอนุญาตของโรงเรียนจารุวรรณวิทยา ในที่สุด
หลังเกิดกระแสดังกล่าว บรรยากาศภายในโรงเรียนคณะครูกว่า 20 ชีวิตได้พยายามทำหน้าที่ของตัวเองในช่วงท้ายของการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ เพื่อจะส่งเด็กนักเรียนในการเข้าสอบในเทอมสุดท้ายของทุกคนให้ได้มีผลการเรียนที่ดีที่สุด แม้จะมีความเห็นต่างเกิดขึ้น โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการให้มีการดำเนินกิจการต่อไปแม้เงินเดือนครูจะมีน้อยนิดเฉลี่ย 1 หมื่นกว่าบาท บางคนแม้จะถึงวันเกษียณอายุไปแล้วแต่ยังคงขอมาทำหน้าที่สอนนักเรียนในชุมชนต่อไป เพราะความรักความผูกพันกันมานาน บางคนสอนหนังสือที่นี่มานานกว่า 40 ปี
อีกส่วนคือ ครูที่ทราบเรื่องราวและต้องการจะไปเริ่มต้นอาชีพใหม่ โดยหวังจะได้เงินชดเชยกว่า 3-4 แสนบาทเพื่อจะเป็นทุนสำหรับดำเนินชีวิต เพราะเมื่อมีการประกาศให้มีการนำนักเรียนไปหาสถานศึกษาแห่งใหม่ ก็จะทำให้นักเรียนนั้นต้องหายไป เท่ากับเป็นการยุติกิจการ ซึ่งถ้ามีการยื้อต่อไปเงินอุดหนุนทุนที่เหลืออยู่จะทำให้เหลือเงินในการชดเชยน้อยลงไปตามเวลาที่เดินไปไม่หยุด
ในขณะที่ผู้ปกครองและนักเรียนกำลังรอความหวังให้เกิดปาฏิหาริย์ เนื่องจากปัญหาคือการต้องหาโรงเรียนใหม่ ต้องหาชุดนักเรียนใหม่ และปรับชีวิตในการดูแลบุตรหลานใหม่ทันที เพราะนิ่งนอนใจไปแล้วว่าการดำเนินการจะมีต่อไปตามที่เคยมีการตกลงกันไว้ก่อนหน้า
น.ส.สาลินี สุขขาบูรณ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/4 ม.3 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี ผู้ปกครอง บอกทั้งน้ำตาว่า ตนเองได้เข้ามาสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวในการที่โรงเรียนจะต้องปิดตัวลงจากครูในโรงเรียน ซึ่งได้รับคำตอบว่าจะต้องมีการปิดตัวลงจริงๆ ก็รู้สึกใจหาย เพราะที่เลือกเรียนโรงเรียนนี้เพราะสามีเคยอยากเรียนแต่ไม่ได้เรียนจึงได้เอาลูกชายมาเรียนที่นี่เพราะเป็นโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนดี ครูที่สอนก็เป็นศิษย์เก่าและทำหน้าที่สอนกันแบบเป็นครอบครัว
ตอนแรกทราบว่าทายาทขัดแย้งกัน แต่ตกลงกันได้ก็ดีใจ แต่จู่ๆ มีหนังสือไปแจ้งว่าจะต้องหาที่เรียนใหม่เนื่องจากทางโรงเรียนจะถูกปิดลง เสียความรู้สึก คือลูกชายังเรียน ป.5 และเหลืออีก 1 ปีเท่านั้นก็จะจบและมีนักเรียนอีกหลายรุ่นที่ยังไม่จบต้องไปหาที่เรียนใหม่ และปัญหาคือโรงเรียนต่างๆ ก็มีนักเรียนเรียนอยู่แล้วโรงเรียนที่ใกล้บ้านเป็นเอกชนอีกไม่กี่แห่งก็ไกลและมีราคาค่าเทอมแพงกว่านี้หลายเท่าตัว ส่วนโรงเรียนรัฐที่ก็เต็มไปหมด ปัญหาปิดเทอมนี้น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อยสำหรับครอบครัว
ด.ช.ภิสิทธิ์ ภานุมาศเมธี อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นป.5/1 บอกว่าพอรู้ว่าโรงเรียนต้องปิดแล้วรู้สึกเสียใจเพราะรักโรงเรียนนี้มาก ครูสอนหนังสือดีมีความรักให้แก่ตนเองและเพื่อนๆ อยากให้โรงเรียนนี้ไปต่อ แต่วันนี้ได้เริ่มบอกลาเพื่อนๆ ไปแล้วว่าถ้ามีโอกาสก็จะขอกลับมาเจอกันอีก วันนี้เก็บเบอร์โทร.เพื่อนเอาไว้เพื่อติดต่อกันแล้ว แต่ไม่อยากแยกย้ายกันออกไปอยากเรียนให้จบโรงเรียนนี้แต่ก็หมดโอกาสเสียดาย และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ด.ญ.ภัทรินทร์ โกทัน อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.4/2 บอกทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ยังไม่ได้บอกลาเพื่อนแต่จะบอกกันในวันสุดท้าย เตรียมของขวัญให้เพื่อนสนิทไว้แต่ตอนนี้ยังทำใจไม่ค่อยได้เพราะต้องไปเจอโรงเรียนใหม่ โดยจะต้องปรับเวลาการไปโรงเรียนแบบกะทันหัน ซึ่งทุกวันที่มาเรียนถ้าว่างจะไปรวมตัวแอบร้องไห้กับเพื่อนสนิทในกลุ่มอีก 3 คน และพยายามหาข้อมูลถึงเรื่องที่โรงเรียนจะปิดตัว และอยากบอกว่าไม่ควรจะปิดโรงเรียนเพราะนักเรียนอีกมากต้องหาที่เรียนใหม่ในปิดเทอมนี้ และครูเจ้าหน้าที่ก็จะต้องตกงานด้วย
ด้าน ครูสุทิศา รอดดียิ่ง ครูผู้สอนชั้น ป.5-ป.6 บอกว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการแบ่งการบริหารงานของทายาทไม่ลงตัว ซึ่งตอนแรกได้ตกลงกันแล้วแต่มาถึงตอนนี้ทางโรงเรียนได้ออกเอกสารให้ผู้ปกครองไปหาโรงเรียนให้บุตรหลานใหม่ โดยยังตกลงไม่ได้ว่าใครจะเป็นผู้บริหาร ผู้อำนวยการ ซึ่งทั้งเด็กและผู้ปกครองอยากให้โรงเรียนนี้ไปต่อ เพราะโรงเรียนเปิดมา 60 กว่าปี ซึ่งตอนนี้ได้ทำงานเพื่อให้เด็กๆ ได้เตรียมตัวไปเรียนโรงเรียนอื่นให้พร้อมที่สุด ส่วนตัวต้องปรับตัวเองอาจจะต้องไปค้าขาย แต่เศรษฐกิจยุคนี้ไม่รู้ว่าจะขายอะไรได้ โดยทำงานที่นี่เงินเดือนไม่ได้มากเพียงแค่ 1 หมื่นเศษแต่เราอยู่ได้เพราะประหยัดและใช้ความผูกพันกับเด็ก ยืนยันว่าถ้าโรงเรียนที่นี่ปิดจะยกเลิกอาชีพครูไปด้วย เพราะไม่อยากสอนที่อื่นอยากเก็บที่นี่ไว้เป็นความทรงจำ เหมือนศิษย์เก่าและผู้ปกครองหลายคนที่รักและผูกพันกับโรงเรียนนี้มาถึง 2-3 ชั่วอายุคน
ขณะที่ ดร.กนก ปิ่นตบแต่ง ศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม แจ้งว่า สำหรับโรงเรียนจารุวรรณวิทยา นั้นสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ยืนยันว่าจะต้องมีการเพิกถอนใบอนุญาตเพราะถึงทางตันจริงๆ เนื่องจากการแบ่งการบริหารงานไม่ลงตัวจากทายาท 8 ครอบครัว โดยตอนนี้กำลังดำเนินการในการเพิกถอนใบอนุญาต โดยได้แจ้งว่าจะมีผลตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมนี้ คือหลังการสอบปลายภาคเรียนที่ 2 ปี 2562 เสร็จสิ้น และยอมรับว่าการบริหารงานนั้นเรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยศึกษาธิการท่านก่อนที่ได้เกษียณอายุไป
เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งได้เข้ามาดูปัญหา โดยทราบว่าปัญหานั้นมีทายาทที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนที่มีแนวคิดในการบริหารงานที่ไม่ตรงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการเชิญทายาทมาคุยกันหลายรอบ โดยได้ดูบัญชีที่เหลือตอนนี้มีอยู่ราว 5 ล้านบาทเศษ โดยจำนวนนักเรียน 400 กว่าราย ตอนนี้ได้มีการให้ออกหนังสือแจ้งไปยังสถานที่ศึกษาเพื่อให้ผู้ปกครองไปหาที่เรียนใหม่ โดยได้มีการจัดให้ 11 โรงเรียนในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี มีการรองรับนักเรียนไว้แล้ว
ที่ผ่านมา สำนักพื้นที่การศึกษาการประถมศึกษาเขต 2 จังหวัดนครปฐมได้มีการพยายามเป็นตัวกลางให้แก่ทายาททั้ง 2 ฝ่ายได้หาทางออกร่วมกันแต่ก็ไม่ลงตัว กระทั่งวันที่ 27 สิงหาคม 62 จึงได้มีการออกหนังสือให้โรงเรียนจารุวรรณอยู่ในความควบคุมของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม โดยเป็นเรื่องสืบเนื่องที่ น.ส.อรนุช สิรสุนทร ผู้รับใบอนุญาตได้เสียชีวิตลง ซึ่งได้แจ้งให้มีการหาทายาทมาเป็นผู้รับโอนใบอนุญาตดำเนินกิจการ แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถหามาได้ จึงต้องอาศัยความในมาตรา (96) (2) (3) และ 6 แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 เพื่อเข้ามาควบคุมกิจการของโรงเรียน และมีการเจรจากันมาหลายรอบโดยต่อเวลามาคราวละ 90 วัน จนสุดท้ายได้มีการเชิญทายาทและผู้ปกครองมาทำการประชุมกันในวันที่ 26 มกราคม 63 โดยสรุปในที่ประชุมกันว่าจะให้มีการดำเนินกิจการต่อทำให้ผู้ปกครองและนักเรียน รวมถึงคณะครูต่างดีใจส่งเสียงปรบมือกันทั่วห้องประชุมก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงกันอีก
ดร.กนก กล่าวต่อว่า แต่หลังจากนั้นได้ตกลงกันแล้วได้มีทายาท 5 จาก 8 ครอบครัว ได้ยื่นข้อเสนอ 6 ข้อแนบเข้ามาในเอกสารบันทึกในการประชุม เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอจึงจะยินยอมให้มีการดำเนินการ ทำให้อีกฝั่งของทายาทไม่ยอมรับข้อเสนอ โดยเฉพาะในเรื่องของตัวผู้บริหารที่จะรับใบอนุญาตและวาระในการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารคราวละ 2 ปีเท่านั้น ทำให้การรับโอนใบอนุญาตเกิดการติดขัดอีก สุดท้ายคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จึงได้เสนอให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตเพื่อยุติปัญหาทั้งหมดเพราะเล็งเห็นถึงผลกระทบต่อเด็กนักเรียนในระยะยาว
สำหรับ โรงเรียนเอกชนจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ถ้าไม่มีผู้รับโอนใบอนุญาตเพื่อดำเนินการ เป็นความน่าเสียดายและอึดอัดใจสำหรับทุกคนที่เห็นโรงเรียนที่มีประวัติศาสตร์ของโรงเรียนแห่งนี้ แต่จะมีทางออกเดียวในระหว่างที่กำลังดำเนินการถ้าทายาททั้ง 8 ครอบครัว ตกลงกันได้ในเวลาสั้นๆ ช่วงนี้ ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม พร้อมที่จะดำเนินการให้โรงเรียนได้ดำเนินการต่อไปได้
นายปราโมทย์ วิณิชยกุล นิติกรชำนาญการพิเศษ (สช.) กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการได้เล็งเห็นว่าจะต้องเพิกถอนใบอนุญาต โดยมองว่าประโยชน์ของเด็กนั้นเป็นหลักเพราะการเกิดปัญหานี้จะทำให้เด็กไม่ได้รับการศึกษาที่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ การเพิกถอนจึงน่าจะเป็นการนำเด็กเข้าสู่สถานศึกษาที่มีความพร้อมจะดีกว่า ซึ่งมีประเด็นที่ทายาทบางคนได้ท้วงติงว่า นิติกรได้แจ้งว่าจะต้องมีเอกสารแนบท้ายในการขอใบอนุญาต โดยได้มาแจ้งหลังการประชุม
ขอเรียนว่าวันที่ 26 มกราคม ที่มีการประชุมนั้นไม่ได้เป็นวันที่คุยกันในเรื่องของการยื่นคำขอ แต่เป็นการตกลงกันเพื่อจะขอใบอนุญาต โดยได้แนะนำว่า ควรมีหนังสือสัญญาแนบท้ายการอขอโอนใบอนุญาตมาด้วย วันนั้นเป็นวันที่ให้คำแนะนำกับทายาทว่าควรจะทำเข้ามาด้วย ซึ่งได้มีการทำบันทึกถ้อยคำในการประชุมและมีการบอกไปตั้งแต่การประชุมครั้งแรกมาแล้ว และมีการนำบันทึกถ้อยคำออกมาให้ทายาททุกคนได้ดูแต่มีการเข้าใจกันว่า ทุกคนจะต้องทำตามหนังสือแนบท้ายจึงได้มีการล้มกระดานกันขึ้นมาในที่สุด ซึ่งการขอรับโอนจะต้องมาดำเนินการตามขั้นตอนที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐมเท่านั้น และวันนี้ไม่มีใครเข้ามายื่นเรื่องดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ กระแสดังกล่าวที่มีข่าวแพร่สะพัดออกไปมากขึ้น ทำให้เกิดกระแสของการพยายามจากผู้ปกครองให้มีการดำเนินการกิจการต่อของโรงเรียนจารุวรรณ โดยวอนให้ทายาททั้ง 8 ได้ยุติความขัดแย้งส่วนตัวในครอบครัวไปก่อน และให้มีการดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์กับนักเรียน ครูและเจ้าหน้าที่เกือบ 500 คน ที่หลายคนยังหาที่เรียนและยังหางานใหม่ไม่ได้
โดยหลายโรงเรียนภาครัฐนั้นมีที่นั่งแทบจะเต็มพิกัดอยู่แล้ว โดยโรงเรียนจารุวรรณ นั้นถือเป็นโรงเรียนที่รักของผู้คนในชุมชน เน้นการสอนแบบเข้าถึง สอนมารยาทการวางตัวของนักเรียนที่ดี มีวินัย รักสะอาด และเน้นการเข้าใจบทเรียนแบบเข้าถึงเด็กทุกคน ความใส่ใจของครูอาจารย์
อีกส่วนคือ เรื่องค่าเทอมที่มีราคาถูกเพียงเทอมละ 2 พันเศษ ถ้าเทียบกับโรงเรียนเอกชนหลายแห่งจะมีราคาค่าเทอมเป็นหมื่นบาท ซึ่งหากครอบครัวที่ประสบปัญหาการเงินยังมีการติดค่าเทอมได้แบบผ่อนชำระได้อีก และตอนนี้ยังมีเงินค่าเทอมที่ยังจัดเก็บไม่ได้อีก 8 แสนบาท ที่ผู้ปกครองยังคงค้างอยู่ โดยผู้ปกครองและนักเรียนยังรอคอยความหวัง รอปาฏิหาริย์ที่ทายาททั้ง 8 จะกลับมาตกลงในการหันหน้ามาบริหารงานโรงเรียนต่อไป เพราะหากมีการปิดตัวจะเหลือเพียงอาคารไม้เก่าๆ ที่เป็นอดีตอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรีเท่านั้น