พิจิตร - ผู้ส่งออกส้มโอเมืองพิจิตรเจอพิษไวรัสโควิด-19 ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ยกเลิกคำสั่งซื้อเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้ราคาส้มโอภายในประเทศตกฮวบ
นายบุญเกิด มีทวี อายุ 70 ปี ผู้จัดการบริษัท เอ็ม.ที.ฟรุท โปรดักส์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ซึ่งเป็นผู้รับซื้อส้มโอรายใหญ่ เปิดเผยว่า พื้นที่อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร มีเกษตรกรปลูกส้มโอสายพันธุ์ท่าข่อย ขาวแตงกวา ขาวน้ำผึ้ง และสายพันธุ์ทับทิมสยาม รวมจำนวนกว่า 2 หมื่นไร่ ล้วนเป็นผลไม้เศรษฐกิจเพื่อการจำหน่ายภายในประเทศและการค้าส่งออกไปยังประเทศกลุ่ม AEC
โดยเฉพาะประเทศจีน ถือเป็นลูกค้าตลาดรายใหญ่ที่มีออเดอร์การสั่งซื้อส้มโอบรรจุหีบห่อเพื่อการส่งออก ไปยังมณฑลต่างๆ ถือเป็นผู้ซื้ออันดับหนึ่งของตลาดส้มโอ โดยส้มโอพิจิตรมีออเดอร์สั่งซื้อส่งขายไปยัง เมืองอู่ฮั่น, กว่างโจว, คุนหมิง ฯลฯ ซึ่งหลังจากเกิดโรคระบาดไวรัสโคโรนา หรือไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ทางการจีนแจ้งระงับการนำเข้าผลไม้ โดยเฉพาะส้มโอของ จ.พิจิตร เป็นการชั่วคราว สาเหตุเนื่องจากวิกฤตจากเหตุการณ์ดังกล่าวประชาชนของจีนถูกจำกัดให้อยู่ในเคหสถาน รวมถึงห้างสรรพสินค้าหรือตลาดที่ค้าขายผลไม้ของประเทศจีนที่เคยมีผู้คนพลุกพล่านก็พลอยเงียบเหงา
ส้มโอที่ส่งไปขายก็ขายไม่ได้ ทางคู่ค้าปลายทางประเทศจีนจึงแจ้งขอหยุดการรับซื้อส้มโอของพิจิตรมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 62 มาจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 คิดเป็นมูลค่าที่ได้รับผลกระทบกว่า 20 ล้านบาท
ผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกษตรกรและพ่อค้าส้มโอได้หาวิธีแก้วิกฤตดังกล่าวด้วยการกระจายขายส้มโอภายในประเทศ ซึ่งก็ได้ราคาต่ำกว่าการส่งออก แต่ก็ต้องจำใจขายของดีราคาถูกให้แก่ผู้บริโภคภายในประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ราคาส้มโอขาวแตงกวา ส้มโอทองดี ราคาขายปลีกและขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 20-40 บาท
ส่วนราคาส้มท่าข่อย ซึ่งเป็นส้มโอพันธุ์พื้นเมืองของพิจิตร ราคาขายทั่วไปอยู่แค่เพียงกิโลกรัมละ 7-8 บาท เท่านั้น โดยผลผลิตที่จำหน่ายในช่วงนี้เป็นส้มโอนอกฤดูกาล ซึ่งในอดีตหากไม่เกิดวิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ก็จะขายได้ราคาดีกว่านี้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็ต้องยอมรับความจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าเร็วๆ นี้จะผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวไปได้
