xs
xsm
sm
md
lg

กล้องวงจรปิดเผยนาทีหลวงพี่บึ่งเก๋งเจอจักรยานยนต์ตัดหน้า ชนเข้าอย่างจังตาย 1 เจ็บ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - หลวงพี่ขับรถเก๋งกลับจากเรียนหนังสือจะกลับวัด เจอจักรยานยนต์วิ่งข้ามเลนตัดหน้ากระชั้นชิด เบรกไม่ทันชนเข้าอย่างจัง ร่างคนขี่-คนซ้อนจักรยานยนต์ลอยกระเด็นกลางถนน ตาย 1 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย



วันนี้ (19 ก.พ. 63) ร.ต.อ.กล้าณรงค์ จันทรมณี รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนกับจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บนถนนเส้นเลี่ยงเมือง พิษณุโลก-นครสวรรค์ ใกล้บริษัท คูโบต้าทั่งทอง จำกัด หมู่ 6 ต.วังพิกุล อ.วังทอง หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลวังทอง และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ

ที่เกิดเหตุพบจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ-แดง ทะเบียน 1 กญ 101 พิจิตร สภาพคว่ำเสียหาย ตกลงไปอยู่ในร่องกลางถนน ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นางบุญส่ง วิลาไล อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/4 หมู่ 5 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก มีบาดแผลถลอกฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง แขนขาหักผิดรูป

นอกจากนี้ยังพบผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายนิคม วิลาไล อายุ 50 ปี สามีของผู้เสียชีวิต บาดเจ็บเล็กน้อยยังพอมีสติพูดคุยได้ จากนั้นกู้ภัยได้ช่วยเหลือทำการปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลวังทอง


ส่วนรถยนต์คู่กรณีตำรวจได้วิทยุสกัดจับได้บริเวณมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม. เป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโซลูน่า สีน้ำเงิน ทะเบียน กษ 9563 พิษณุโลก สภาพด้านหน้ามีรอยเฉี่ยวชนจนยุบพังเสียหาย พร้อมควบคุมตัวคนขับเอาไว้ได้ 1 ราย คือ พระอนุชา บุญประดิษฐ์ไพศาล อายุ 55 ปี พระลูกวัดดินทอง ต.ดินทอง อ.วังทอง ซึ่งยังอยู่ในอาการตกใจต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปสอบปากคำที่ สภ.วังทอง

สอบสวนทราบว่า สามีภรรยาได้ขี่จักรยานยนต์ตามถนนเส้นดังกล่าว แล้วเลี้ยวตัดหน้าเพื่อเข้าช่องยูเทิร์นกะทันหัน ขณะนั้นมีรถของพระอนุชาขับมาในช่องทางเลนขวาด้วยความเร็วสูง หลังกลับจากเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช และกำลังจะเดินทางกลับวัด จึงเหยียบเบรกไม่ทันทำให้พุ่งชนเข้าอย่างจัง ร่างของทั้งคู่กระเด็นไปคนละทิศละทางมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในที่สุด ซึ่งกล้องวงจรปิดด้านหน้าบริษัท คูโบต้าทั่งทอง จำกัด สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสอบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น