ศรีสะเกษ - รถบรรทุกน้ำมันพุ่งชนรถจอดข้างทางเมืองศรีสะเกษพังยับ 8 คันรวด โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต คนขับยอมรับหลับใน
เมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันพุ่งชนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างทาง บริเวณหน้าโรงเรียนไกรภักดีวิทยาคม ถ.ศรีสะเกษ-อุบล อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งการให้ ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร ร้อยเวรสอบสวนคดีจราจร รีบไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 70-1576 ศรีสะเกษ บรรทุกน้ำมัน ด้านข้างประตูมีข้อความว่า บริษัท ฐานมั่นคง 2017 จำกัด ชนติดอยู่กับรถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 5951 ศรีสะเกษ สภาพรถพังยับเยิน มีเสาไฟฟ้าส่องสว่างหักโค่นลงมา 1 ต้น และห่างออกไปประมาณ 5 เมตรพบรถปิกอัพและรถเก๋งโดนชนท้ายและทำให้รถที่ถูกชนท้ายพุ่งชนรถเก๋งและรถปิกอัพ รวม 6 คัน รวมทั้งรถจักรยานยนต์ 2 คันที่จอดอยู่ข้างทางพังเสียหายยับเยิน รวมรถที่ถูกชนทั้งสิ้น 8 คัน โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าคนขับรถบรรทุกน้ำมันชื่อ นายบุญธรรม ดาวตก อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/12 หมู่ 6 บ้านหนองยาง ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้ให้การว่า เป็นผู้ขับขี่รถบรรทุกน้ำมันคันที่เกิดเหตุ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปส่งน้ำมันที่ จ.อุบลราชธานี และเมื่อขับกลับมาถึงที่เกิดเหตุ มีอาการวูบคล้ายกับหลับในและมารู้สึกตัวเมื่อมีการชนกับรถที่จอดอยู่ข้างทาง โดยตนขับรถมาความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหากขับรถมาเร็วกว่านี้อาจทำให้เสียหายมากยิ่งขึ้นกว่านี้ ตนได้แจ้งให้เจ้าของบริษัทและแจ้งบริษัทประกันภัยทราบแล้ว
ทางด้าน นายสุรศักดิ์ บะสุรินทร์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 373/2 หมู่ 1 ต.ห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ เจ้าของรถที่ถูกชนติดอยู่กับรถบรรทุกน้ำมันพังเสียหายยับเยิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่หายจากอาการตกใจว่า จอดรถอยู่ข้างถนนและเพิ่งลงจากรถได้ประมาณ 5 นาทีเพื่อไปกินข้าว และทันใดนั้นได้ยินเสียงโครม ตนมั่นใจว่าเป็นรถของตนแน่นอนที่เกิดเหตุเนื่องจากว่ารถของตนจอดเป็นคันแรก ซึ่งสภาพรถพังเสียหายยับเยิน ไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้งานอีกได้เลย
ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร ร้อยเวรสอบสวนคดีจราจร จึงได้นำเอาเครื่องเป่าแอลกอฮอล์มาวัดระดับแอลกอฮอล์นายบุญธรรม ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกน้ำมันแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีแอลกอฮอล์ในร่างกาย จึงได้ตั้งข้อหาว่า ขับขี่รถโดยประมาท ทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายและทรัพย์สินของทางราชการ (เสาไฟฟ้า) ได้รับความเสียหาย และควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
