กาญจนบุรี - ตร.เตรียมออกหมายเรียกเจ้าสัวพันล้าน รุกที่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ขณะที่หัวหน้าอุทยานฯ เขาแหลม ลุยตรวจสอบนายทุนอีกนับสิบหลายยึดแปลงสวย ด้าน หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. ลุยปราบนายทุนระดับบิ๊กนายพลบุกรุกที่ดินของรัฐ 4 อำเภอ
ความคืบหน้ากรณีที่คณะเจ้าหน้าที่นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. พร้อมด้วย นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมกำลังเข้าตรวจยึดพื้นที่ที่ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกปรับพื้นที่เพื่อทำการเกษตร บริเวณริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ท้องที่หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี รวมเนื้อที่ 197-1-75 ไร่ เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.)
โดยมีผู้ครอบครอง จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย นายมนตรี มังกรกนก ตำแหน่ง กรรมการบริษัท เอเชียไฟเบอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท วงศ์ช่าง จำกัด ที่มีทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 1 พันล้านบาท ดร.ปัญจรัตน์ มังกรกนก น.ส.ศิริกุล มังกรกนก น.ส.ศิริวรรณ มังกรกนก นายภูริพงศ์ มังกรกนก และนายไพรัชญ์ ปัญจรันต์มนตรี นอกจากคณะเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีต่อบุคคลทั้ง 6 แล้ว ยังดำเนินคดีต่อบุคคลที่ให้การสนับสนุนอีก 2 ราย คือ นายศักดิ์ชัย บัณติอินทร์ และนายวันชัย นวลขำดีแท้ นั้น
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.พ.) พ.ต.อ.นันทเศรษฐ์ สุขนพกิจ ผกก.สภ.สังขละบุรี เปิดเผยว่า หลังจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว วานนี้ (15 ก.พ.) ร.ต.อ.ประเสริฐ ใจเมือง รอง สว.(สอบสวน) สภ.สังขละบุรี เจ้าของคดี พร้อมกำลังทหาร และ อส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ตรวจยึดจากกลุ่มเศรษฐีพันล้าน
โดยนำภาพถ่ายทางอากาศประกอบการตรวจสอบพิกัดดาวเทียมระบุภูมิประเทศและขอบเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เบื้องต้น ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่อุทยานที่นำชี้เขตการบุกรุกยึดถือครอบครองไปแล้ว แต่ต้องรอเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม คาดว่าคดีนี้หากรวบรวมหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ก็สามารถที่จะออกหมายเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดเพื่อมาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
ด้าน นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เปิดเผยว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจ โดยทางผู้บังคับบัญชาสั่งให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ไม่ละเว้น ซึ่งทางอุทยานฯ กำลังดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่มีการถือครองและสิทธิการถือครอง เนื้อที่ประมาณ 38,000 ไร่ โดยพบผู้ครอบครองต้องสงสัยว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือ และปัจจุบันตกอยู่ในมือนายทุนนับสิบราย ซึ่งจะต้องตรวจสอบลงลึกในรายละเอียดแต่ละแปลงอีกครั้ง จากนั้นจะนำข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าวเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อให้พิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดจับกุมได้ พบว่า มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท โดยที่ดินแปลงไม่ค่อยสวยจะอยู่ที่ราคาหลักหมื่นบาท/ไร่ ส่วนที่ดินแปลงสวย โดยเฉพาะริมอ่างเก็บน้ำ ราคาจะอยู่ที่หลักแสนบาท/ไร่ ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ในเขตอุทยานฯ เขาแหลมเท่านั้น ยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่มีการบุกรุกยึดถือครอบครองหรือเปลี่ยนมือในลักษณะเดียวกันนี้ แต่เนื่องจากการตรวจสอบเป็นไปค่อนข้างยาก เพราะบางแปลงยังคงเป็นชื่อชาวบ้านถือครอง แต่อาจเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุนแล้วก็เป็นได้ จึงทำให้การตรวจสอบยากลำบาก
ทั้งนี้ ตนได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนขั้นตอนทางกระบวนการยุติธรรมจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐานของแต่ละฝ่าย ซึ่งหลักฐานที่ปรากฏความผิดอย่างชัดเจนคือ ที่ดินแปลงนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุนแล้ว
ขณะที่ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. เปิดเผยว่า ขณะนี้เรากำลังดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน รวมทั้งการซื้อขาย การสำรวจการถือครองและสิทธิการถือครองในหลายพื้นที่ของ จ.กาญจนบุรี ซึ่งคาดว่ามีนายทุนและผู้มีอิทธิพลทั้งในราชการและนอกราชการบุกรุกป่าอุทยานฯ และพื้นที่ของรัฐอีกหลายแห่ง โดยบางรายมีตำแหน่งเป็นถึงระดับ ‘นายพล’ ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าที่ไม่สัมฤทธิผล เนื่องจากกลุ่มบุคคล 3 กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น และเชื่อว่ายังมีที่ดินที่ถูกบุกรุกอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงแค่รายนี้รายเดียว หรือจุดนี้จุดเดียวเท่านั้น ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ยังมีพื้นที่อื่นที่ถูกบุกรุกอีกมาก
โดยตั้งข้อสังเกตว่า การที่กลุ่มนายทุนหรือกลุ่มบุคคล ข้าราชการระดับบิ๊กจะบุกรุกได้นั้น จะทำไม่ได้เลยถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐให้การสนับสนุน หรือให้การช่วยเหลือปิดบังความผิดเอาไว้ โดยมีผลประโยชน์แอบแฝง ดังนั้น จึงขอเตือนผู้ที่กำลังดำเนินการบุกรุกใหม่หรือคิดจะบุกรุก อย่าได้กระทำการดังกล่าวอย่างเด็ดขาด เพราะหากตนพบว่ามีการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ไม่ละเว้น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะใหญ่มาจากไหนก็ตาม
สำหรับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกส่วนใหญ่อยู่ใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย สังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยค และศรีสวัสดิ์ อย่างไรก็ตาม เราจะเร่งเข้าไปตรวจสอบและตรวจยึดคืนรัฐ ก่อนที่สภาพป่าจะเสียหายไปมากกว่านี้