ระยอง - ผู้นำชุมชนตำบลมะขามคู่ จ.ระยอง ร้อง ผวจ.ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบไม้เศรษฐกิจบนเขาจอมแห ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าชุมชนหลังพบถูกลอบโค่นจำนวนมาก ขณะที่พื้นที่กว่า 4 พันไร่ ถูกแปรสภาพเป็นไร่สับปะรด มันสำปะหลัง และไร่กล้วย
วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จ.ระยอง ว่า ได้เกิดไฟไหม้ป่าบริเวณด้านทิศตะวันออกของเขาจอมแห ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาทำการดับไฟ จึงรายงานไปยัง นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กระทั่งมีการสั่งการให้นายอำเภอนิคมพัฒนา นำเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ
นายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธาน ทสม.จ.ระยอง เผยว่า หลังเกิดเหตุตนเองพร้อมด้วยเครือข่าย ทสม.และผู้นำชุมชน ต.มะขามคู่ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อำเภอนิคมพัฒนา เดินทางขึ้นไปบนเขาจอมแห เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า เป็นพื้นที่ป่าชุมชน ซึ่งนิคมฯ สร้างตนเองกันพื้นที่ไว้เป็นป่าชุมชน จำนวน 4,200 ไร่ และได้รับการจัดสรรงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง จำนวน 7 ล้านบาท เพื่อจัดทำแนวกันไฟ (ถนนลูกรัง) รอบเขาจอมแห ระยะทาง 18 กิโลเมตร
แต่จากการขึ้นไปสำรวจเส้นทางแนวกันไฟบางช่วงกลับพบว่า มีการนำป้าย "ทางปิด" และนำเสาปูนมาปักรวมทั้งใช้ไม้ขวางปิดทาง "ห้ามเข้า" ในบริเวณพื้นที่ที่มีการสร้างบ้าน และทำไร่สับปะรด รวมทั้งไร่มันสำปะหลัง และต้นกล้วย โดยไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด
นอกจากนั้น ยังพบว่าพื้นที่ป่าชุมชนดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ได้ช่วยกันปลูกต้นมะค่า พะยูง และประดู่ ไว้เป็นแนวกันไฟจำนวนมากโดยพบว่าไม้ดังกล่าวได้ถูกตัดโค่นหายไป
เบื้องต้น จึงได้ร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ให้ส่งเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเป็นการด่วน ก่อนที่ไม้เศรษฐกิจในพื้นที่ป่าชุมชนจะถูกบุกรุกไปมากกว่านี้