ศูนย์ข่าวศรีราชา - แล้งหนัก! ทำน้ำในอ่างเก็บน้ำหลัก 5 แห่งของเมืองพัทยาเริ่มแห้งขอด ประปาพัทยาต้องลดปริมาณการสูบน้ำดิบพร้อมจับมือชลประทานดึงน้ำดิบจาก ระยอง-จันทบุรี เข้าเสริม หวังประคองสถานการณ์ให้ถึงหน้าฝน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายสุทัศน์ นุชปาน ผู้จัดการสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งและปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบเพื่อใช้สำหรับผลิตน้ำประปาในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า แหล่งน้ำดิบเพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปาจาก 5 อ่างกักเก็บหลัก ประกอบด้วย อ่างหนองกลางดง อ่างห้วยสะพาน อ่างห้วยขุนจิต อ่างมาบประชัน และอ่างชากนอก ขณะนี้มีปริมาณน้ำดิบเต็มความจุรวมจำนวน 40 ล้าน ลบ.ม. แต่เนื่องจากเมืองพัทยา เป็นเมืองเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและยังมีที่พักอาศัยจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นในการใช้น้ำกว่า 80 ลบ.ม.ต่อปี หรือมากกว่าปริมาณน้ำดิบที่มีอยู่ในอ่างฯ ทั้ง 5 แห่งถึง 1 เท่า
ในวันนี้จึงต้องการมีการดึงน้ำดิบจากแหล่งอื่นมาเพิ่มเติม เช่น จากอ่างฯ บางพระ ในอำเภอศรีราชา อ่างหนองปลาไหล ในจังหวัดระยอง และซื้อน้ำจากบริษัทอีสท์วอเตอร์ จำกัด เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ
นอกจากนั้น การประปาพัทยายังได้เสริมมาตรการลดแรงดันน้ำแต่ไม่ลดปริมาณการจ่ายน้ำ เพื่อลดการสูญเสียจากปัญหาท่อแตก รั่ว ซึม ซึ่งถือว่ามีค่าเฉลี่ยสุดถึง 25% จึงอาจทำให้หลายพื้นที่มีน้ำไหลเอื่อยลงบ้าง
ขณะที่ นายทินกร สุทิน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชลบุรี เผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นทำให้หลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำดิบ กรมชลประทานจึงได้วางแผนแก้ไขปัญหาด้วยการผันน้ำจากแหล่งอื่นมาเสริม โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่ได้มีการหารือกับเจ้าของพื้นที่แหล่งน้ำดิบสำคัญอย่าง คลองวังโตนด จ.ระยอง เพื่อขอผันน้ำดิบ จำนวน 10 ล้าน ลบ.ม.สูบมายังอ่างเก็บน้ำประแสร์
ก่อนสูบส่งต่อมายังอ่างฯ หนองปลาไหล และโรงกรองเมืองพัทยา ซึ่งจะทำให้เมืองพัทยามีน้ำดิบเพิ่มอีกวันละ 8 หมื่น ลบ.ม. รวมเป็นวันละ 1.1 แสน ลบ.ม. และยังจะดึงน้ำจากคลองหลวงรัชชโลทร อ.เกาะจันทร์ มายัง อ.พานทอง เพื่อสูบน้ำมาเก็บไว้ที่อ่างฯ บางพระ ก่อนส่งต่อมายังเมืองพัทยาอีกทอดหนึ่ง
"จึงมั่นใจได้ว่าเมืองพัทยาจะไม่ขาดแคลนน้ำไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้อย่างแน่นอน และหากถึงฤดูฝนแล้วสถานการณ์น้ำตามธรรมชาติยังคงวิกฤต กรมชลประทาน ก็ได้หารือกับบริษัทอีสท์วอเตอร์ เพื่อจัดหาน้ำสำรองไว้จำนวน 12 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งการเจรจาขอสูบน้ำเพิ่มจากบ่อขุดของเอกชน ซึ่งประมาณการว่าจะได้น้ำเพิ่มขึ้นอีก 6 ล้าน ลบ.ม."
ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชลบุรี ยังเผยอีกว่าพื้นที่ จ.ชลบุรี อยู่ในแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งตามยุทธศาสตร์ชาติได้เตรียมแผนรองรับการขาดแคลนน้ำ ทั้งการขุดอ่างเก็บน้ำเพิ่มเติม เช่น อ่างอวายใหญ่ และวังโตนด ใน อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 ซึ่งจะทำให้มีน้ำเพิ่มอีกกว่า 300 ล้าน ลบ.ม.
รวมทั้งการผันน้ำจากคลองสะพาน และปะแสร์ ในจำนวนน้ำ 60 ล้าน ลบ.ม. จากพื้นที่ จ.สระแก้ว อีก 120 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับการขาดแคลนปัญหาน้ำดิบได้นานกว่า 20 ปี