พะเยา - นายกฯ นำคณะลงพื้นที่พะเยาตรวจโปรเจกต์แก้น้ำท่วม-น้ำแล้ง พัฒนา “หนองเล็งทราย” มูลค่า 370 ล้าน ย้ำแนวทางพัฒนาภาคเหนือเป็นธนาคารต้นน้ำ บอกอย่าด่าข้างนอกหรือทางโทรศัพท์ มีอะไรให้คุยกันด้วยเหตุผลลดขัดแย้ง
วันนี้ (12 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดพะเยา โดยได้เดินทางไปสักการะพระพุทธรูปพระเจ้าตนหลวง ที่วัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง ต.เวียง อ.เมืองพะเยา ในช่วงเช้า ก่อนจะเดินทางมาตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาหนองเล็งทราย อ.แม่ใจ ซึ่งมีประชาชนชาวพะเยามารอต้อนรับอย่างเนืองแน่น
นายกมล เชียงวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา รายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งโครงการที่ก่อให้เกิดการส่งเสริมการลงทุน เช่น การก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย จังหวัดแพร่ ถึงเชียงของ จังหวัดเชียงราย ที่มีเส้นทางผ่านพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดพะเยา (เมืองฯ, ดอกคำใต้, ภูกามยาว) การยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าบ้านฮวก อำเภอภูซาง เป็นจุดผ่านแดนถาวร และการดำเนินการของจังหวัดพะเยา
นอกจากนี้ยังได้รายงานถึงสถานการณ์โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งไม่มีผู้ป่วยที่มีโรคติดต่อ เรื่องสถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ได้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ และเรื่องสถานการณ์ภัยแล้งที่ในปีนี้ได้ขอความร่วมมือเกษตรกรงดปลูกข้าวนาปรัง ที่จากเดิมกว่า 71,000 ไร่ เหลืออยู่ 17,000 ไร่ หรือลดพื้นที่ปลูกได้ราวร้อยละ 76 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเกษตรกร และคาดการณ์ว่าจังหวัดพะเยาจะบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ได้จนถึงเดือนกรกฎาคม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปเรื่องของการบริหารจัดการน้ำหนองเล็งทราย จากอธิบดีกรมชลประทาน ตามที่ได้เสนอของบประมาณราว 370 ล้านบาท ในการพัฒนาหนองเล็งทราย และการเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้ง จากอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ก่อนจะพบปะพูดคุยกับประชาชนชาวจังหวัดพะเยาที่มารอต้อนรับ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงแนวทางในการขับเคลื่อนให้ภาคเหนือ เป็นธนาคารน้ำสำหรับพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบในพื้นที่จังหวัดพะเยา และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ด้วยวิธีการเพิ่มความจุของแหล่งน้ำที่สำคัญ โดยดำเนินการขุดลอก ลดความตื้นเขินจากดินโคลนและตะกอนทราย
รวมทั้งยังสั่งการให้มีการจัดหาที่ดินเพื่อจัดทำอ่างเก็บน้ำ เพื่อเป็นการฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ในการกักเก็บน้ำ ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำด้านการเกษตร สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และสามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้งในระยะยาว เป็นการสร้างความเข้มแข็งในการบริหารจัดการน้ำ แต่การแสวงหาแหล่งน้ำต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนหรือหากประชาชนได้รับผลกระทบก็จะต้องได้รับการเยียวยาที่เหมาะสม เนื่องจากการสร้างแหล่งน้ำ เช่น เขื่อนต่างๆ มีข้อจำกัดด้านกฎหมาย
“ผมมาพะเยารู้สึกสุข สงบ สดชื่น เมื่อได้ไปไหว้พระเจ้าตนหลวงที่วัดศรีโคมคำ และเห็นคนพะเยายิ้มแย้มแจ่มใส นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากเห็นและบ้านเมืองเราต้องการ ณ เวลานี้ ผมไม่ต้องการความขัดแย้ง ขอให้ทุกคนรักประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องรักใครคนใดคนหนึ่ง รัฐบาลอาจจะตามใจท่านได้ไม่มากนัก แต่เรามีแผนงานล่วงหน้าสำหรับประชาชนทุกคน อย่าไปด่าผมข้างนอก และทางโทรศัพท์ มีอะไรให้มีคุยกับผมด้วยเหตุผล และช่วยกันคิดเพื่อประเทศชาติ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ติดตามแผนการพัฒนาหนองเล็งทราย ซึ่งทางกรมชลประทานโดยส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 1 สำนักเครื่องจักรกลชลประทาน ได้เตรียมพร้อมเครื่องจักรขนาดใหญ่ประจำการที่หนองเล็งทราย เพื่อดูดตะกอนดินทราย และแก้ไขปัญหาน้ำตื้นเขิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเป็นพื้นที่รองรับน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้ง และเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าโอทอปของจังหวัดพะเยา พบปะกลุ่มสตรีสหกรณ์บริการพัฒนาอาชีพสตรีเมืองพะเยาด้วย