กาญจนบุรี - นายกเล็กปากแพรก ควง ส.อบจ.กาญจน์ แถลงค้านสร้างสะพานลอยข้าม 4 แยกวังสารภี หลังกรมทางหลวงเตรียมดำเนินการ ด้วยงบ 450 ล้านบาท หากฝืนสร้างพร้อมค้านเต็มที่ แนะทบทวนสร้างอุโมงค์ลอดแทน ตามประสงค์ของประชาชน
จากกรณีกรมทางหลวงเตรียมดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยก ตัดทางหลวงหมายเลข 324 กับทางหลวงหมายเลข 367 (แยกวังสารภี) ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่ กม.2+586 ด้วยการใช้งบประมาณปี 2563 จำนวน 450 ล้านบาท โดยวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา แขวงทางหลวงกาญจนบุรี ได้จัดเวทีประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปากแพรก โดยในวันดังกล่าวนั้นมีประชาชนเข้าร่วมไม่มากนัก ซึ่งบางส่วนไม่ต้องการให้สร้างสะพาน แต่เสนอให้สร้างเป็นอุโมงค์ทางลอดสี่แยกวังสารภีแทนเพื่อรักษาทัศนียภาพพื้นที่โดยรอบเอาไว้ ถึงแม้การสร้างอุโมงค์จะใช้งบประมาณที่สูงและใช้เวลาในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นก็ตาม
ล่าสุด วันนี้ (5 ก.พ.) นายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศบาลตำบลปากแพรก นายจรันต์ ยิ่งภิญโญ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเมือง เขต 3 นายประสาน นิยมทรัพย์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อำเภอเมือง เขต 1 นายสมบัติ จิตรธรรม อดีตกำนันตำบลปากแพรก และนายณัฐพล ภู่ทองชิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.ปากแพรก ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงโครงการดังกล่าวที่ร้านกาแฟแบล็ค ริสเท็ตโต้ ตั้งอยู่ริมถนนสายบายพาส ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ทั้งนี้ นายจรันต์ ยิ่งภิญโญ ส.อบจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า จากกรณีกรมทางหลวงได้มาทำประชาคมกับชาวตำบลปากแพรกเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) เรื่องการสร้างสะพานลอยข้ามสี่แยกวังสารภีจุดตัดถนนสาย 324 กับสาย 367 เนื่องจากว่าการสร้างสะพานลอย ได้งบประมาณปี 2563 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 450 ล้านบาท ซึ่งการก่อสร้างนั้นกรมทางหลวงได้ออกแบบมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรมทางหลวงได้ประสานกับ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 1 ในการดึงงบประมาณจำนวนนี้ลงมาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
ที่สำคัญที่สุดคือ การก่อสร้างสะพานลอยนั้นแบบได้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยในการที่จะสร้าง และที่สำคัญที่สุดคืองบประมาณใช้งบประมาณปี 63 ไม่เคยผ่านการประชาคม และไม่เคยให้ผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งนายกเทศบาลตำบลปากแพรก ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ได้รับรู้ถึงงบประมาณในการก่อสร้างในครั้งนี้ และที่สำคัญที่สุดประชาชนในท้องที่โดยรอบแยกวังสารภีไม่เคยรับรู้เลยว่าจะมีสะพานลอยเกิดขึ้นบริเวณแยกวังสารภี
การที่จังหวัดกาญจนบุรีได้งบประมาณมา สำคัญที่สุดคือกาญจนบุรีนั้นเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคตะวันตก ซึ่งพวกเราเป็นผู้ช่วย ส.ส.พล.อ.สมชาย ได้ทำแผนงบประมาณให้แก่ ส.ส.เนื่องจากว่าบริเวณสี่แยกวังสารภี เป็นจุดตัดที่สำคัญที่สุดที่จะมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง รวมทั้งมุ่งหน้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางด้าน อ.ไทรโยค สังขละบุรี ทองผาภูมิ และศรีสวัสดิ์ จุดตัดสี่แยกไฟแดงวังสารภี มีรถผ่านมากถึงวันละ 2 หมื่นกว่าคัน แต่กรมทางหลวงได้ออกแบบในการก่อสร้างสะพานเป็นที่เรียบร้อย และกำลังจะก่อสร้างอยู่แล้ว ก่อสร้างไม่ผ่านการประชาคม เพื่อให้ชาวบ้านเขาได้รับรู้
นายจรันต์ กล่าวต่อว่า ชาวบ้านทุกคนได้ลงความเห็นว่า การที่จะสร้างสะพานลอยขอให้ยุติ และขอให้ไปสร้างอุโมงค์แทน แต่ทางกรมทางหลวงได้ให้วิศวกร มาชี้แจ้งว่าการสร้างอุโมงค์จะทำให้มีอุปสรรคเยอะ โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับระบบน้ำ รวมทั้งหากเจาะลงไปจะเป็นหินด่างหรือไม่ และหากก่อสร้างก็ต้องใช้งบประมาณเพิ่มอีกประมาณ 250 ล้านบาท รวมทั้งต้องขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปเป็นปี แต่วานนี้ พล.อ.สมชาย ได้บอกแล้วว่า เรื่องงบประมาณนั้นมีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการขยายเวลาก่อสร้างเพิ่มขึ้นพวกเราก็ยอม จะขยายเวลาออกไปเป็น 4-5 ปี เราก็ยอม
แต่พวกเราก็ยังยืนยันในวัตถุประสงค์เดิมคือ เราชาวบ้านตำบลปากแพรกที่อยู่บริเวณใกล้เคียง รวมทั้งเชื่อว่าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 2-3 แห่งที่อยู่บริเวณนั้นก็คงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการสร้างสะพานลอย แต่ปัญหาที่สำคัญก็คืองบประมาณนั้นได้ตกลงมาแล้ว จำนวน 450 ล้านบาท โดยหากกรมทางหลวงเลือกสร้างสะพานลอย พวกเราก็จะคัดค้านให้ถึงที่สุด” นายจรันต์ กล่าว
ด้าน นายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากแพรก กล่าวว่า ในความเห็นของทางเทศบาล หลักในการสำรวจทำงบประมาณอะไรก็ตาม จะต้องมีการประชุมประชาคม และระหว่างก่อนออกแบบและสำรวจพื้นที่จะต้องถามประชาชนก่อนว่าเขาต้องการอะไร เมื่อทราบความต้องการจึงค่อยสำรวจพื้นที่เพื่ออกแบบ ถ้าทำเช่นนี้มันก็จะไม่เกิดปัญหาตามมา ซึ่งหากได้งบประมาณมาแล้ว ออกแบบมาแล้วและสร้างตามนั้นเลยมันก็จะเป็นการขัดกับความรู้สึกของประชาชน
กรมทางหลวง น่าจะมีวิธีปรับปรุงได้เนื่องจากงบประมาณแม้ว่าจะไม่เพียงพอสำหรับการสร้างอุโมงค์ ก็สามารถสับเปลี่ยนแก้ไขใหม่ได้ เพราะขณะนี้เพิ่งจะต้นปีงบประมาณ การที่จะสำรวจเพื่อออกแบบใหม่ ไม่ใช่จะถึงขั้นที่ว่าทำไม่ทันในปีงบประมาณ ซึ่งงบเพิ่มเติมนั้น ท่าน ส.ส.พล.อ.สมชาย ท่านก็ได้ยืนยันมาแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร
อีกประการหนึ่งคือ กรมทางหลวง กับประชาชนในพื้นที่จะต้องมาทำความเข้าใจว่าในการก่อสร้างอะไร จะต้องให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ พร้อมทั้งหากสร้างอะไรแล้วจะต้องให้เกิดประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยว และในด้านการใช้ประโยชน์ของท้องถิ่น เพราะฉะนั้นเมื่อมีงบประมาณจำนวนมากจะต้องมาชั่งใจว่า หากสร้างไปแล้วประโยชน์ที่ได้รับมันจะต้องคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป
นายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล กล่าวต่อว่า ถามว่าการคัดค้านจะคัดค้านในรูปแบบใดนั้น ในการคัดค้านตนคิดว่าพี่น้องชาวปากแพรก มีความไม่เห็นด้วยกับการสร้างเป็นสะพานลอย แต่กรมทางหลวงก็ต้องมีหลักในการให้คำตอบกับประชาชนได้ว่า ระหว่างสร้างเป็นสะพานลอยกับสร้างเป็นอุโมงค์ทางลอดสี่แยกนั้นเมื่อชั่งน้ำหนักแล้วสิ่งไหนจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน และควรจะทำในลักษณะของโมเดล เพื่อมาสื่อสารให้ประชาชนทราบเสียก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจกันอีกครั้งหนึ่งก็ยังทัน ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพราะเพิ่งอยู่ในต้นปีของงบประมาณเท่านั้น